ผู้ว่าสระแก้ว ทำหนังสือถึง ผู้ว่าบันเตียเมียนเจย ย้ายชาวกัมพูชา ล้ำพื้นที่ไทย

ผู้ว่าสระแก้ว ทำหนังสือถึง ผู้ว่าบันเตียเมียนเจย ย้ายชาวกัมพูชา รุกล้ำพื้นที่ไทย ถือเป็นละเมิดอธิปไตยไทย เตือนฝ่าฝืนจะดำเนินตามกฎหมาย
นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ลงนามหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา เรื่อง ขอความร่วมมือดำเนินการย้ายราษฎรกัมพูชาที่รุกล้ำพื้นที่บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว แห่งราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2568 ความว่า “พื้นที่บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว มีราษฎรกัมพูชารุกล้ำเข้ามาปลูกสร้างบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ของราชอาณาจักรไทยและเป็นพื้นที่นอกพื้นที่อ้างสิทธิ ตามบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-กัมพูชา ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก ลงนามร่วมกันเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 2543 (MOU43) ซึ่งเป็นการละเมิดอธิปไตยและกฎหมายแห่งราชอาณาจักรไทย ในการนี้ ราชอาณาจักรไทยจึงต้องดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับราษฎรกัมพูชาที่รุกล้ำ ดังนี้
1. พื้นที่บ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว (หลักเขตที่ 46-47) จำนวนประมาณ 94 ไร่ โดยมีราษฎรกัมพูชามาปลูกสร้างบ้านเรือน รุกล้ำ จำนวนประมาณ 135 ครัวเรือน ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ป่าไม้จึงป็นการละเมิดกฎหมายของราชอาณาจักรไทย ดังนี้ (1) การบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ ตามพระราชบัญญัติญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54) และมาตรา 72 ตรี และ (2) การเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 11 มาตรา 62 และมาตรา 81
2. พื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว (หลักเขตที่ 42-43) จำนวนประมาณ 20 ไร่ โดยมีราษฎรกัมพูชามาปลูกสร้างบ้านเรือนรุกล้ำ จำนวนประมาณ 35 ครัวเรือน ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จึงเป็นการละเมิดกฎหมายของราชอาณาจักรไทย ดังนี้ (1) การบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ ตามพระราชบัญญัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54 และมาตรา 72 ตรี และ (2) การเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 11 มาตรา 62 และมาตรา 81
จังหวัดสระแก้วจึงขอความร่วมมือจากผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียนเมียนเจย ให้พิจารณาดำเนินการย้ายราษฎรกัมพูชาที่รุกล้ำออกจากพื้นที่บ้านหนองจาน และพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ออกไปนอกราชอาณาจักรไทย ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หากราษฎรกัมพูชาที่รุกล้ำพื้นที่ดังกล่าว ยังไม่ย้ายออกจากพื้นที่ ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง จะดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ (1) พระราชบัญญัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54 และมาตรา 72 ตรี (2) พระระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 และมาตรา 31 และ (3) พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 11 มาครา 62 และมาตรา 81 ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามบันทึกผลการสำรวจร่วม ไทย-กัมพูชา ในการค้นหาสภาพและที่ตั้งของหลักเขตแดนที่ 46 และหลักเขตแดนที่ 47 เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2560 ผลการประชุมวิสามัญคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ระหว่างไทยและกัมพูชา ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2568 และผลการหารือของคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee : RBC) สมัยวิสามัญ ระหว่างกองทัพภาคที่ 1 แห่งราชอาณาจักรไทยและภูมิภาคทหารที่ 5 แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2568 ณ จังหวัดสระแก้ว ราชอาณาจักรไทย”
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ผู้ว่าฯ สระแก้ว สั่งเร่งออกโฉนด ให้ชาวบ้านหนองจาน หลังได้ที่ดินคืน ในรอบ 40 ปี
- “จิรายุ” อธิบายสาเหตุ ต่ออายุราชการผู้ว่าสระแก้ว 1 ปี แต่ไม่ต่อ “บิ๊กกุ้ง”
- ตม.สระแก้ว แจงปมเปิดด่านคลองลึก แค่อนุโลมให้ประชาชนตกค้างกลับประเทศ
ติดตาม The Thaiger บน Google News: