จับตา! ศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ชะตา “แพทองธาร” ปมคลิปเสียงฮุนเซน 29 ส.ค.นี้

จับตา 29 ส.ค.นี้ ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยชี้ชะตา “แพทองธาร ชินวัตร” จากปมคลิปเสียงสนทนากับ ฮุน เซน หากรอดจะเป็นอย่างไรต่อ แล้วถ้าร่วงจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
วันพรุ่งนี้ (29 ส.ค.) ถือเป็นอีกหนึ่งวันประวัติศาสตร์ทางการเมืองไทย เมื่อศาลรัฐธรรมนูญได้นัดอ่านคำวินิจฉัยในคดีที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องของกลุ่ม สว. ขอให้วินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงหรือไม่ จากกรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา
คดีนี้สืบเนื่องจากคลิปเสียงการสนทนาที่ถูกเผยแพร่ ซึ่งนำไปสู่การยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ โดยก่อนหน้านี้ ศาลฯ มีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 รับคำร้องไว้พิจารณา และมีมติ 7 ต่อ 2 สั่งให้ น.ส.แพทองธาร หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2568 เป็นต้นมา
ในการให้การต่อศาลเมื่อวันที่ 21 ส.ค. ที่ผ่านมา น.ส.แพทองธาร ได้ชี้แจงว่าการสนทนาดังกล่าวเป็นเพียงเทคนิคการเจรจาต่อรองแบบ “Interest-Based” เพื่อค้นหาความต้องการที่แท้จริงของคู่เจรจา และยืนยันว่า “ไม่มีข้อความใดที่แสดงให้เห็นว่าจะนําผลประโยชน์ของประเทศไทยไปแลกเปลี่ยนกับต่างชาติ”

เปิดฉากทัศน์ รอด หรือ ร่วง
คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันพรุ่งนี้ จะนำไปสู่ 2 ฉากทัศน์ใหญ่ คือ
- หากรอด น.ส.แพทองธาร จะได้กลับมาปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีอีกครั้งทันที และเดินหน้าบริหารประเทศต่อไปจนครบวาระของสภาผู้แทนราษฎรในเดือน พ.ค. 2570
- หากไม่รอด น.ส.แพทองธาร จะพ้นจากตำแหน่งนายกฯ ทันที โดย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ อันดับ 1 จะปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทั้งคณะจะยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไป จนกว่าจะมี ครม. ชุดใหม่
เส้นทางสู่ นายกฯ คนที่ 32
หาก น.ส.แพทองธาร ต้องพ้นจากตำแหน่ง จะเข้าสู่กระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งต้องได้เสียงสนับสนุนเกินกึ่งหนึ่งของสภา (247 เสียง จาก 492 เสียง) โดยแคนดิเดตนายกฯ ที่มีสิทธิ์ได้รับการเสนอชื่อ มีดังนี้
- พรรคเพื่อไทย โดย นายชัยเกษม นิติสิริ (140 เสียง)
- พรรคภูมิใจไทย โดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล (69 เสียง)
- พรรครวมไทยสร้างชาติ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (ยังมีสถานะเป็นแคนดิเดต แต่ต้องตีความคุณสมบัติการเป็นองคมนตรี) และ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค (36 เสียง)
- พรรคประชาธิปัตย์ โดย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ (25 เสียง)
ตามแนวทางที่นายวิษณุ เครืองาม เคยชี้แนะไว้ ครม. ที่ปฏิบัติหน้าที่ต่อในกรณีนี้ จะมีอำนาจเต็ม สามารถดำเนินภารกิจสำคัญได้ทุกเรื่อง ไม่เหมือน ครม. รักษาการหลังยุบสภา โดยมี 2 ภารกิจเร่งด่วนคือ การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท และ การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง ประจำปี ซึ่งต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย. นี้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ศาล รธน. เคาะ 29 ส.ค. ลงมติชี้ชะตา “แพทองธาร” คลิปเสียงคุยอังเคิล
- ชำแหละ คำร้อง สว.แจงยิบกล่าวหา “แพทองธาร” ปมคลิปเสียงฮุนเซน ผิดจริยธรรมร้ายแรง
- ศาลรัฐธรรมนูญ เอาผิดคนปล่อยคลิป “นั่งลงลูก” บิดเบือนข้อเท็จจริง
ติดตาม The Thaiger บน Google News: