ข่าว

พายุไต้ฝุ่นคาจิกิ เตือนรุนแรงกว่าพายุวิภา พาดผ่านไทย เตรียมรับมือฝนถล่ม

ผู้เชี่ยวชาญด้านภัยพิบัติชี้ “คาจิกิ” พัฒนาเป็นไต้ฝุ่นรุนแรง มีกำลังมากกว่าพายุ “วิภา” เส้นทางพาดผ่านไทยถึงเมียนมา คาดการณ์ฝนสะสมตอนบนของน่าน 2 วันอาจสูงกว่า 500 มม. เตือนทุกจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงตั้งวอร์รูมรับมือภาวะฉุกเฉิน

รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต และรองประธานมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ อัพเดตสถานการณ์พายุคาจิกิ เช้าวันนี้ (25 ส.ค.2568 เมื่อเวลา 05.00 น. ) ว่า

พายุคาจิกิได้ทวีกำลังขึ้นเป็นพายุไต้ฝุ่นรุนแรงแล้ว ตามการประเมินของศูนย์อุตุนิยมวิทยาฮ่องกง

พายุคาจิกิมีความรุนแรงมากกว่าพายุ “วิภา” ที่เคยส่งผลกระทบต่อประเทศไทยก่อนหน้านี้ คาดว่าเส้นทางของพายุจะเคลื่อนตัวไปได้ไกลถึงประเทศเมียนมา จะสร้างความเสียหายให้กับพื้นที่ที่อยู่ในแนวเส้นทาง ซึ่งแสดงด้วยแถบสีส้มและสีเหลืองในแผนที่คาดการณ์

เปรียบเทียบเส้นทางพายุคาจิกิ พายุวิภา

น่านเสี่ยงสูงสุด ฝนอาจตกสะสมเกิน 500 มม.

อิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นคาจิกิจะทำให้เกิดฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ โดยแบบจำลองคาดการณ์ปริมาณฝนสะสม 2 วัน พบว่าพื้นที่ตอนบนของจังหวัดน่าน มีโอกาส (10%) ที่จะมีฝนตกสะสมสูงมากกว่า 500 มิลลิเมตร ซึ่งถือเป็นปริมาณที่สูงมาก จึงจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมรับมือในระดับสูงสุด

รศ.ดร.เสรี ย้ำว่าสถานการณ์น้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมในพื้นที่ชุมชนจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ความรุนแรงจะสอดคล้องกับพื้นที่ที่ถูกคาดการณ์ว่าจะมีฝนตกหนัก (พื้นที่เฉดสีน้ำเงิน)

ระดับน้ำในแม่น้ำสายหลักยังรับได้ แต่อาจไม่เพียงพอ

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์น้ำล้นตลิ่งในแม่น้ำสายหลักอาจบรรเทาลงได้บ้าง เนื่องจากปัจจุบันระดับน้ำยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำ โดยข้อมูลล่าสุดพบว่า

แม่น้ำน่าน (สถานี N1 อ.เมืองน่าน) มีปริมาณน้ำอยู่เพียง 14.5% ของความจุ

แม่น้ำยม (สถานี Y1C บ้านน้ำโค้ง) มีปริมาณน้ำอยู่ประมาณ 15% ของความจุ

แม้ว่าลำน้ำจะยังสามารถรับน้ำได้อีกถึง 85% แต่หากปริมาณฝนตกลงมาอย่างรุนแรงตามที่คาดการณ์ไว้ ความเสียหายในวงกว้างก็ยังคงสามารถเกิดขึ้นได้

น่านเสี่ยงสูงสุด ฝนอาจตกสะสมเกิน 500 มม.

หน่วยงานรัฐตั้งวอร์รูมเฝ้าระวัง – จังหวัดเสี่ยงควรทำตาม

ขณะนี้ ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติและหน่วยงานภาคีเครือข่าย ได้แก่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, กรมทรัพยากรน้ำ, กรมทรัพยากรธรณี และกรมชลประทาน ได้จัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ (War Room) เพื่อเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดแล้ว

รศ.ดร.เสรี ได้เสนอแนะให้จังหวัดที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง จัดตั้ง War Room ส่วนหน้าขึ้นมาคู่ขนานกัน เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารจัดการสถานการณ์ ตั้งแต่การเฝ้าระวัง, การแจ้งเตือนภัย, การเผชิญเหตุ, การเตรียมการอพยพ และการฟื้นฟูหลังเกิดเหตุการณ์

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

0 0 โหวต
Article Rating
สมัครรับข้อมูล
แจ้งเตือนเกี่ยวกับ
0 Comments
เก่าแก่ที่สุด
ใหม่ล่าสุด ถูกโหวตมากที่สุด
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

Aindravudh

นักเขียนประจำ Thaiger มีประสบการณ์เขียนข่าวมากกว่า 5 ปี จบการศึกษาด้านภาษาและประวัติศาสตร์ จากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความสนใจ ประเด็นความเคลื่อนไหวทางสังคมและการเมือง เจาะประเด็นข่าวทางสังคม ด้วยกลวิธีการเล่าเรื่องแบบย่อยง่าย อย่างงานเขียนสร้างสรรค์ สั้น กระชับ จับทุกประเด็น หัวข้อที่เชียวชาญคือเรื่องไลฟ์สไตล์ เลขเด็ด หวยรัฐบาลไทย หวยลาว ช่องทางติดต่อ vajara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button
0
เราอยากทราบความคิดเห็นของคุณ โปรดแสดงความคิดเห็นx