ข่าว

มาริษ เยือนสวีเดน เป็นสักขีพยาน ลงนามเซ็นซื้อเครื่องบินรบ “กริพเพน”

มาริษ เยือนสวีเดน เพื่อเป็นสักขีพยาน ลงนามเซ็นซื้อเครื่องบินรบ กริพเพน พร้อมใช้โอกาสทำความเข้าใจ ยืนยันทำเพื่อปกป้องตัวเอง

นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ในโอกาสเดินทางเยือนราชอาณาจักรสวีเดนอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของ นางมารีอา มัลเมอร์ สเตเนอร์การ์ด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสวีเดน เพื่อเป็นสักขีพยานในการลงนามซื้อเครื่องบินรบ Grippen E/F ของกองทัพอากาศ กับบริษัท Saab ว่า จะใช้โอกาสนี้พูดคุยทำความเข้าใจสถานการณ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาด้วย เพราะสวีเดนเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ให้ความสำคัญเรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นอย่างมาก

ดังนั้น จะใช้โอกาสนี้ยืนยันว่ามาตรการต่างๆ ที่ประเทศไทยใช้ในการแก้ปัญหากัมพูชาตั้งแต่แรกเริ่ม มุ่งเน้นการใช้การเจรจาสองฝ่ายหรือทวิภาคี หลีกเลี่ยงการใช้กำลัง และแสดงความต้องการแก้ปัญหาชายแดนไทยกัมพูชาโดยสันติและจริงใจ โดยเตรียมหลักฐานเพื่อนำมาชี้แจงให้รับฟังด้วย การที่เราถูกกัมพูชาละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน ทำให้เราต้องตอบโต้เพื่อป้องกันตนเอง ตามมาตรา 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ เพื่อให้เขาสบายใจว่าการปฏิบัติการทางทหารของเราสอดคล้องกับนโยบายด้านการต่างประเทศ เราเป็นประเทศที่รักสันติ เราทำทุกอย่างตามกฎหมายระหว่างประเทศและกฎบัตรสหประชาชาติ

ทั้งนี้ ตนมุ่งหน้าเดินสายเพื่อชี้แจงกับทุกประเทศว่า การใช้กำลังทางทหารของเราได้สัดส่วนกับความเป็นจริงและไม่มีเป้าหมายเพื่อทำลายล้าง หลักฐานทุกอย่างยืนยันว่าประเทศไทยปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ ข้อตกลงระหว่างประเทศ และกฎบัตรของสหประชาชาติ

“อาวุธที่เราใช้ ยืนยันได้ว่าเราทำเพื่อป้องกันตัวเอง ขณะที่กัมพูชาใช้อาวุธเพื่อโจมตีระยะไกล ไม่สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ เป็นการโจมตีเป้าหมายทางพลเรือน รวมถึงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล การปฏิบัติการสงครามข่าวสาร ใช้ความเห็นสาธารณะ ชวนเชื่อทัศนคติของสังคมให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายประเทศยอมรับไม่ได้”

ขณะเดียวกัน นายมาริษ ยังกล่าวด้วยว่า หลังการเยือนสวีเดนแล้วตนจะเดินทางไปเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในวันที่ 26 สิงหาคม 2568 โดยมีเป้าหมายหลักไปชี้แจงให้กับประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคีให้เข้าใจสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งกัมพูชาใช้ยุทธศาสตร์ของการใช้วัตถุระเบิดสังหารบุคคล ที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และอนุสัญญาออตตาวา อีกทั้งในโอกาสนี้จะพบกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้ทุ่นระเบิดสังหาร การละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยการโจมตีเป้าหมายพลเรือน ของกัมพูชา รวมทั้งการใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) ก็ได้ออกมาพูดชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยอย่างมาก และไม่สนับสนุนให้มีการใช้สงครามข่าวสาร ในการต่อสู้โดยใช้พลเรือนเป็นตัวกระทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างกัน โดยในโอกาสนี้ตนจะได้พบปะกับประธาน ICRC จะได้อธิบาย ทั้ง 2 ประการเหล่านี้ เพราะ ICRC เป็นองค์กรหลักที่ดูกฎหมายระหว่างประเทศ

จากการดำเนินการที่ผ่านมา ทำให้ประชาคมโลกได้เข้าใจในความตั้งใจของรัฐบาลไทยว่าเราเป็นประเทศที่รักสันติ จะเห็นได้ว่าการปฏิบัติการทางทหารไม่ได้ถูกประเทศไหนตำหนิเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนได้เดินสายที่ทุกประเทศเข้าใจว่าการใช้มาตรการทางของเราเป็นการตอบโต้ตามสัดส่วนความเป็นจริง ไม่ได้มีเป้าหมายที่จะทำลายล้างฝ่ายพลเรือน ดังนั้น สิ่งที่ตนเตรียมมาชี้แจงถือเป็นประโยชน์อย่างยิ่งที่จะทำให้ประชาคมโลกเข้าใจ ถึงแนวทางและท่าทีของประเทศไทย ซึ่งดำเนินการทุกอย่างสอดคล้องกับความตกลงระหว่างประเทศกฎหมายระหว่างประเทศ

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

0 0 โหวต
Article Rating
สมัครรับข้อมูล
แจ้งเตือนเกี่ยวกับ
0 Comments
เก่าแก่ที่สุด
ใหม่ล่าสุด ถูกโหวตมากที่สุด
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

Nateetorn S.

ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button
0
เราอยากทราบความคิดเห็นของคุณ โปรดแสดงความคิดเห็นx