
เริ่มเปิดให้ลงทะเบียน รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย 25 ส.ค. นี้ ผ่านแอปพลิเคชั่น ทางรัฐ ก่อนเริ่มใช้สิทธิ์จริง 1 ต.ค. 68 ตรวจสอบเงื่อนไข ต้องใช้อะไรบ้าง หากเดินทางข้ามสายห้ามออกจากระบบ และไม่รองรับเหรียญโดยสาร?
ข่าวดีสำหรับผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เมื่อนโยบาย ค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย กำลังจะกลายเป็นความจริงอย่างเป็นรูปธรรมเสียที! ด้านกระทรวงคมนาคมได้ประกาศเตรียมเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ตั้งแต่ วันที่ 25 สิงหาคมนี้เป็นต้นไป ก่อนจะเริ่มใช้งานจริงใน วันที่ 1 ตุลาคม 2568
ขั้นตอนลงทะเบียนรถไฟฟ้า ผ่านแอปฯ “ทางรัฐ”
การลงทะเบียนถูกออกแบบมาให้ง่ายและตรงไปตรงมา โดยจะทำผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” เพียงช่องทางเดียว มีขั้นตอน ดังนี้
1. ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” (รองรับทั้งระบบ iOS และ Android)
2. เข้าสู่ระบบและยืนยันตัวตน ด้วยเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก ตามขั้นตอนที่ปรากฏบนแอปฯ
3. ผูกบัตรโดยสาร ที่ต้องการใช้รับสิทธิ์ โดยสามารถเลือกได้ทั้ง บัตรเครดิต/เดบิตแบบแตะจ่าย (Contactless) ของ Visa หรือ Mastercard หรือ บัตรแรบบิท ที่ลงทะเบียนเป็นชื่อของตนเองเรียบร้อยแล้ว
4. เมื่อยืนยันการผูกบัตรสำเร็จ ระบบจะบันทึกสิทธิ์ให้โดยอัตโนมัติ และสามารถนำบัตรดังกล่าวไปใช้งานที่ประตูตรวจตั๋วได้ทันทีเมื่อถึงวันที่ 1 ตุลาคม
เงื่อนไขสำคัญที่ต้องรู้ก่อนใช้ บัตร 20 บาทตลอดสาย
ก่อนออกจากบ้านในวันแรกของการใช้งาน ตั้งสติไว้หนึ่งข้อ พึงระลึกไว้ว่าระบบคิดค่าโดยสารแบบยี่สิบบาทตลอดสายมีเงื่อนไขสำคัญ คือ ต้องแตะเข้าและแตะออกด้วยบัตรที่ลงทะเบียนไว้เท่านั้น
หากเปลี่ยนไปใช้เหรียญหรือบัตรเที่ยวเดียวกลางทาง ระบบจะกลับไปคิดตามอัตราปกติ รวมถึงกรณีออกจากจุดเชื่อมต่อแล้วเข้าใหม่
โครงการนี้หวังลดค่าครองชีพของคนเมืองและกระตุ้นให้คนหันมาใช้ระบบรางมากขึ้น ขณะที่ผู้โดยสารก็มีหน้าที่จัดการข้อมูลของตัวเองให้พร้อม
โดยเฉพาะการลงทะเบียนและผูกบัตรล่วงหน้าก่อนถึงวันจริง เพื่อให้ยี่สิบบาทตลอดสายเกิดผลกับชีวิตประจำวันในทันทีที่ประตูรถไฟฟ้าเปิดรับผู้โดยสารในเช้าวันนั้น
สำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับการใช้งานแอปพลิเคชัน สามารถติดต่อขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ ณ สถานีรถไฟฟ้าต่าง ๆ ได้
นโยบายนี้มีเป้าหมายเพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชน และกระตุ้นให้คนหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะทางรางมากยิ่งขึ้น
ใครมีสิทธิ์ได้บ้าง?
สำหรับผู้ที่จะสามารถเข้าร่วมโครงการและรับสิทธิ์ค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายได้นั้น จะต้องมีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนด ดังนี้
-
- เป็น บุคคลสัญชาติไทย และมีเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก
- มี บัตรโดยสารรถไฟฟ้า Rabbit Card ที่ลงทะเบียนสมบูรณ์แล้ว หรือมี บัตรเครดิต/เดบิต แบบ EMV Contactless (ที่มีสัญลักษณ์แตะจ่าย) ของ Visa หรือ Mastercard
บัตรไหนใช้กับสายไหนได้บ้าง?
ประเด็นที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้โดยสารในช่วงแรกของการให้บริการ คือการชำระเงินจะยังคงต้อง แยกตามประเภทของบัตรที่แต่ละสายทางรองรับ ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้
-
- บัตร Rabbit Card : สามารถใช้ได้กับรถไฟฟ้า สายสีเขียว, สายสีทอง, สายสีเหลือง, และสายสีชมพู
- บัตร EMV Contactless (บัตรเครดิต/เดบิต) : สามารถใช้ได้กับรถไฟฟ้า สายสีแดง, สายสีน้ำเงิน, สายสีม่วง, สายสีชมพู, สายสีเหลือง และแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ (ARL)
จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นได้ว่า สายสีเหลืองและสายสีชมพู เป็นสองสายที่รองรับบัตรทั้งสองประเภท แต่หากเป็นการเดินทางข้ามระบบ เช่น จาก สายสีเขียว (รับเฉพาะ Rabbit) ไปยัง สายสีน้ำเงิน (รับเฉพาะ EMV) ผู้โดยสารอาจยังไม่สามารถใช้บัตรใบเดิมแตะเพื่อเดินทางต่อเนื่องและรับสิทธิ์ 20 บาทตลอดสายได้ในระยะแรก ซึ่งเป็นข้อควรระวังที่ต้องวางแผนการเดินทางให้ดี
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เช็กเส้นทาง รถไฟฟ้าฟรี วันแม่ 12 ส.ค. แนะวิธีรับสิทธิ์ง่าย ๆ ที่นี่
- เปิดลงทะเบียน รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ผ่านแอปฯ “ทางรัฐ” 25 ส.ค.นี้
- ทุนเสมอภาค ลงทะเบียนออนไลน์ รอบแรก 8 แสนคน เริ่มแจก-ประกาศรายชื่อ
ติดตาม The Thaiger บน Google News: