
‘แพรรี่’ ซัด ‘ปวิน’ หลังถูกวิจารณ์หากินกับชาตินิยม ยันด่าฮุนเซน-มาลี เพราะเป็นต้นตอความรุนแรง ถามกลับ ‘เมื่อไหร่จะเลิกนิสัยอย่างกะเทยอ๋องยาคุม’
ดราม่าไม่จบง่าย ๆ หลังจากที่ ‘แพรรี่ ไพรวัลย์ วรรณบุตร’ แชร์รายได้จากเฟซบุ๊กจำนวนกว่า 17,000 ดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 5 แสนบาท พร้อมขอบคุณ “ขอบคุณเจ๊มาลีกับลุงวุ้นเส้นนะคะ เดือนนี้ด่า 2 คนนี้ฉ่ำมาก” ฝั่ง ‘ศ.ดร.ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์’ นักวิชากวิชาการจากมหาวิทยาลัยเกียวโต ออกมาให้ความเห็นสวนกลับว่า ในยามสงครามที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก แต่อินฟลูฯ อวดรายได้จากการโหมไฟชาตินิยมและความเกลียดชัง น่าจะคิดถึงหัวอกครอบครัวที่ต้องสูญเสียบ้าง เพราะอินฟลูฯ ต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคม เลี่ยงการปลุกปั่นให้เกิดการดูถูกเหยียดหยามชาติอื่น ๆ
ล่าสุด แพรรี่ ไพรวัลย์ สวนกลับความเห็นดังกล่าวอย่างดุเดือดผ่านเฟซบุ๊ก ไพรวัลย์ วรรณบุตร ระบุว่า “สถาบันเดียวที่ไม่ล้มเหลวและดีเลิศประเสริฐศรีที่สุดบนโลกนี้ ก็คือสถาบันที่คนอย่างเจ๊ปวินจบมาค่ะ สถาบันที่คงจะได้สอนเรื่องหลักสิทธิมนุษยชน การเคารพความแตกต่างเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์กับเจ๊ปวินเป็นอย่างดีแล้ว
คนอย่างเจ๊ปวินที่ถือตัวเป็นอาจารย์ของคนอื่น จึงเลือกที่จะโพสต์ภาพลับของคนอื่นลงในทวิตเตอร์ แล้วปล่อยให้ฝูงชนเข้าไปคอมเม้นต์เหยียบย่ำศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของเขาต่าง ๆ นา ๆ เรื่องนี้ดิฉันไม่ได้พูดคนเดียวนะคะ มีนักวิชาการหลายคนพูด และตั้งคำถามไปถึงมหาวิทยาลัยที่เจ๊ปวินสอนอยู่ที่ญี่ปุ่นด้วยค่ะ”

จากนั้น เจ้าตัวโพสต์ข้อความอย่างต่อเนื่อง เผยว่า “มีคนบอกว่าดิฉันออกทะเลบ้าง ชกใต้เข็มขัดบ้าง คือจริง ๆ xยังอยู่ปากอ่าวค่ะ xไม่ได้ไปไหนเลย xแค่พยายามตั้งคำถามกลับไปหาคนที่ชอบเอาเรื่องการบูลลี่ เรื่องการหมิ่นศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ มาแปะหน้าคนอื่น เพื่อทำให้ตัวเองดูเหนือชั้นกว่าในทางวิชาการและมีเหตุผล
คือก่อนที่xxจะพยายามอยากให้คนนั้นคนนี้เป็นแบบไหนอ่ะ ก่อนที่xxจะมาตั้งมาตรฐานเรื่องการเป็นอินฟลู เรื่องการยอมรับความแตกต่างหลากหลายบลา ๆ มันต้องเริ่มต้นที่ตัวxxก่อนเลยค่ะ ประเด็นxมีแค่นี้
ความเปิดกว้างที่บล็อกแม้แต่กระทั่งคนที่แชร์สเตตัสของตัวเองไปโต้แย้ง บล็อกแม้แต่กระทั่งคนที่แท็กเฟซของตัวเองให้มาอ่านความเห็นของคนอื่น มันคือความเปิดกว้างแบบไหนยังไงคะ ส่วนเรื่องหลักการความเห็น จุดยืนเรื่องการสนับสนุนการปกป้องอธิปไตย xเคยพูดไปแล้วค่ะ เดี๋ยวxเขียนอธิบายอีกรอบก็ได้”

นอกจากนี้ยังแชร์ภาพโพสต์ของ อ.ปวิน ที่เคยกล่าวถึงแฟนคลับที่ทำตามอินฟลูฯ ว่า “..ดิชั้นคิดว่า อินฟลูต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคม ดิชั้นไม่ได้เรียกร้องให้พวกเค้าเป็นนางงามสันติภาพ แต่อินฟลูที่มีผู้ตามจำนวนมากสามารถหลีกเลี่ยงการใช้ภาษาที่ปลุกปั่นให้เกิดความเกลียดชังหรือดูถูกเหยียดหยามชาติอื่น ๆ
อินฟลูควรส่งเสริมให้ผู้ติดตามมีความเข้าใจที่รอบด้านและเปิดกว้างต่อวัฒนธรรมที่แตกต่าง และควรเป็นตัวอย่างในการใช้เหตุผลมากกว่าความสะใจ… Cr. ปวิน
ค่ะ แต่xxอิจฉากระทั่งคนยืนกินลูกชิ้น และดูถูกสติปัญญาคนอื่นเพียงแค่เขามีไอดอลเป็นที่ชื่นชอบของตัวเอง”

ล่าสุดช่วงตีหนึ่งของวันนี้ (13 สิงหาคม 2568) แพรรี่ ออกมาโพสต์ร่ายยาวถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดในฐานะกะเทยชาตินิยม เผยสาเหตุที่ตามด่า สมเด็จ ฮุนเซน ประธานวุมิสภากัมพูชา และ พล.ท. มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา เพราะเป็นสารตั้งต้นสารตั้งต้นของความรุนแรง สร้างความเกลียดชังให้คนในชาติ
“โพสต์สุดท้ายก่อนนอนแล้วนะคะ ในฐานะของกะเทยชาตินิยมคนหนึ่ง ใช่ค่ะ ดิฉันสนับสนุนการปกป้องอธิปไตยของชาติ ดิฉันให้กำลังใจกับนายทหารทุกคนที่เสียสละเลือดเนื้อเพื่อปกป้องประเทศ
ดิฉันด่าxวุ้นเส้นดิฉันด่าxมาลี เพราะดิฉันมองว่าสองคนนี้เป็นสารตั้งต้นของความรุนแรง โดยเฉพาะxวุ้นเส้น ซึ่งมักปลูกฝังความเกลียดชังให้คนในชาติของมัน ทั้งมีอำนาจในการสั่งให้คนไปรบและตายแทนมันได้จริง ๆ
ในการปะทะกันที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุด และในการเชื่ออย่างสุจริตใจของตัวดิฉันเองว่า กองทัพของเราได้พยายามอย่างเหลือเกินแล้วที่จะใช้สันติวิธีในการอยู่ร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน พยายามจะหาทางออกอันจะนำไปสู่การเจรจา และการหลีกเลี่ยงสงคราม
แต่กับภาพความบาดเจ็บสูญเสียของนายทหารชั้นผู้น้อย การยั่วยุที่ไม่จบสิ้นของประชาชนจากประเทศเพื่อนบ้าน การเริ่มต้นด้วยการสั่งปิดชายแดนและการสั่งปิดปราสาท ดิฉันถือว่าเรายืนอยู่บนหลักของการใช้สันติวิธีอย่างเต็มที่แล้วค่ะ และดิฉันก็เห็นด้วยมาโดยตลอด
แต่เมื่อมันมีเหตุการณ์เปิดฉากยิง มีการเพิ่มกำลังทหารของประเทศเพื่อนบ้าน มีการใช้ความรุนแรงซึ่งเราไม่ได้เป็นคนเริ่มต้นและทางกองทัพก็ตัดสินใจดีแล้วว่าเป็นทางเลือกสุดท้ายซึ่งเราจำเป็นต้องทำเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ
ตั้งแต่ตอนนั้น ดิฉันคิดว่าไม่เพียงแค่ดิฉันคนเดียวเท่านั้น แต่รวมถึงคนไทยหลายคนหรืออาจจะหลาย 10 ล้านคน คงมีความคิดไม่ต่างกัน ในทางที่จะส่งกำลังใจและสนับสนุนภารกิจของกองทัพเพื่อการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนหรือแม้แต่ความปลอดภัยของประชาชนแนวชายแดนอย่างมากมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ต้องเข้าใจก่อนนะคะว่าดิฉันไม่ได้มีส่วนในการวางแผนเรื่องการรบ ไม่ได้มีอำนาจในการตัดสินใจว่าจะทิ้งระเบิดตรงไหน ดังนั้นการจะมาพูดว่าดิฉันโหมสงครามจึงฟังดูเป็นเรื่องเพ้อเจ้อสิ้นดีค่ะ
ใช่ค่ะ ดิฉันเห็นด้วยกับการปกป้องประเทศชาติจากเหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นครั้งนี้ ย้ำว่าเห็นด้วยกับการปกป้องนะคะ เพราะดิฉันมองว่าเราไม่ใช่คนเริ่ม และเราไม่ได้รุกรานค่ะ
ตลอดเวลาในช่วงที่เกิดการปะทะ ดิฉันพยายามกลั่นกรองข้อมูลและนำเสนอข้อเท็จจริงซึ่งดิฉันเห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อการรับรู้ความเป็นไปของสถานการณ์ พยายามทำหน้าที่เท่าที่ทำได้ ในการทั้งส่งสารในการทั้งแก้ต่าง เพื่อชี้แจงและตอบโต้ข้อมูล Fake News ซึ่งฝั่งตรงข้ามพยายามสร้างขึ้นมากมายไปหมด
ดิฉันมีโทสะแน่นอนค่ะ ดิฉันไม่ปฏิเสธเลยอย่างที่ปวินพูดถึง โดยเฉพาะก็โทสะที่มีต่อผู้นำประเทศและผู้นำทางการทหารของกัมพูชา แต่ตัวปวินเองก็ควรจะต้องยอมรับทั้งความเกลียดชังและความมีอคติภายในจิตใจของตัวเองด้วย
คือxxตั้งคำถามกับxก็ควรส่องกระจกตั้งคำถามกับตัวxxเอง ความเป็นศาสตราจารย์ที่มีในตัวของปวิน ในหลายครั้งก็ไม่ได้ช่วยยับยั้งความอคติส่วนตัวที่ปวินมีต่อผู้อื่น นิสัยสันดานที่ชอบแขวะกัด โพสต์แขวนด่าทอก็เป็นนิสัยที่ปวินมีและเห็นได้ทั่วไปไม่ต่างจากคนอื่น ๆ ที่ปวินมักตั้งคำถามอย่างเป็นวิชาการ
ไม่ผิดจากเคสรถตู้ที่มีเสียงชี้หน้าด่าผู้อื่นว่ากะเทย ควรจะต้องมีเสียงตอบกลับไปว่า xxสิxกะเทย เช่นกัน

ขอบคุณที่พยายามพูดถึงความเป็นเปรียญเก้าที่มีอยู่ในตัวของดิฉัน แต่ดิฉันอยากจะแจ้งให้ทราบว่า ดิฉันตระหนักถึงคุณวุฒิ รวมถึงคุณธรรมภายในจิตใจ ที่ดิฉันมีอยู่ตลอดเวลาโดยไม่จำเป็นต้องรอให้คนแบบปวินมาเตือนสติให้
แน่นอนค่ะว่าศาสนธรรมสอนให้ดิฉันมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น มีความปรารถนาดีและความสงสารในการใช้ชีวิตของมนุษย์ทุกคน ด้วยเหตุอันเป็นเช่นนี้ดิฉันถึงกล้าที่จะออกมาเตือนอินฟลูหลาย ๆ คน ที่พยายามจะไล่ล่าทำร้ายแรงงานกัมพูชาที่อาศัยอยู่ในเมืองไทย ทั้งไลฟ์สดใน TikTok ทั้งเขียนข้อความใน Facebook ใจ
ถ้าดิฉันเป็นคนที่ไม่เข้าใจและไร้มนุษยธรรมอย่างแยกแยะไม่ได้แบบที่ปวินพูดถึงจริง ดิฉันคงไม่นำอาหารหรือน้ำดื่มไปแจกให้กับคนงานชาวกัมพูชาที่สร้างบ้านให้กับดิฉันอยู่ทุกวันนี้แน่นอนค่ะ
แต่สงครามเป็นเรื่องของสงคราม และใครก็ตามที่ในมือมีอาวุธทั้งมุ่งจะทำร้ายคนอื่น เขาก็สมควรจะต้องได้รับการป้องกันและตอบโต้ค่ะ ทั้งนี้เพื่อมิให้สิ่งที่เขาทำเป็นภัยคุกคามต่อผู้อื่น ซึ่งล้วนเป็นชาวบ้านมือเปล่าซึ่งปรารถนาความสงบสุขและสันติภาพ
ทหารคือเจ้าหน้าที่ในความรู้สึกของดิฉัน และการจัดการกับภัยคุกคาม ก็เป็นหน้าที่โดยตรงของเขา ดิฉันตระหนักและเห็นแก่ชีวิตรวมถึงความสงบสุขของคนมือเปล่าค่ะ ดิฉันจึงสนับสนุนการทำหน้าที่ของทหารในการจัดการคนที่มีอาวุธที่อยู่ในมือ
ถ้าดิฉันเห็นด้วยกับการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมและป่าเถื่อนจริง ถ้าดิฉันไม่เคารพต่อชีวิตของผู้คนดิฉันคงไม่นำเสนอภาพของการที่ทหารไทยห่อร่างที่ไร้วิญญาณของทหารกัมพูชาและนำไปคืนให้ถึงชายแดนระหว่างประเทศ คงไม่พยายามพูดถึงจำนวนของนายทหารที่เสียชีวิตและตั้งคำถามถึงอีวุ้นเส้นและอีมาลี เพื่อให้พูดความจริงและเคารพต่อการอุทิศตนเพื่อชาติของทหารเหล่านั้น
เมื่อมีการทำข้อตกลงหยุดยิง ดิฉันก็ไม่ต่างจากคนอื่นที่มีความรู้สึกดีใจที่ความรุนแรงได้ยุติลง ดิฉันจึงเรียกร้องให้ผู้นำของประเทศกัมพูชาเคารพข้อตกลงและทำตามสิ่งที่ตัวเองได้ให้สัญญาเอาไว้ ดิฉันไม่เคยโพสต์เรียกร้องให้ทหารก่อสงครามนะคะ อันนี้ขอยืนยันอีกครั้ง
ความจริงคือสงครามเกิดก่อนที่xจะแสดงความเห็นค่ะ พอxส่งกำลังใจให้ทหารในการทำหน้าที่ซึ่งเขามีภารกิจชัดเจนของเขาอยู่แล้ว พอxให้กำลังใจในการเสียสละของทหารกลายเป็นว่าxเป็นคนโหมสงครามสร้างความเกลียดชัง หากินกับชาตินิยม xxก็พูดเหมือนว่าxเป็นแม่ทัพภาคที่สองซึ่งสามารถสั่งให้ใครไปออกรบหรือไม่ออกรบได้ พูดเหมือนว่าxมีอำนาจสั่งให้เครื่องบินรบขึ้นบินไปรอบประสาทตาเมือนธม
ในโพสต์ที่พูดถึงรายได้ ดิฉันพยายามไม่แตะประเด็นอื่นเลย เพราะดิฉันต้องการประชดอีวุ้นเส้นกับอีมาลีเพียงเท่านั้น ว่าการที่ดิฉันเสียเวลามานั่งด่าพวกมันสองคนไม่ได้ทำให้ดิฉันสูญเสียรายได้ซึ่งปกติดิฉันขายของประจำอยู่แล้ว
แต่ก็นั่นแหละเป็นเพราะว่าจุดยืนในเรื่องนี้ของดิฉันแตกต่างจากนักวิชาการบางคนจึงกลายเป็นว่าการโพสต์รายได้ของดิฉันถูกโยงไปถึงเรื่องการสูญเสียเรื่องการบาดเจ็บล้มตาย ซึ่งตัวดิฉันเองก็พยายามเคารพมาโดยตลอดและพยายามที่จะไม่พูดเป็นเรื่องตลก
ก็ไม่มีอะไรมากกว่านี้นะคะ แค่จะมาแสดงจุดยืนในความเห็นของตัวเองที่มีต่อการปะทะกันที่ผ่านมาว่าจุดยืนดิฉันเป็นแบบนี้จุดแบ่งของดิฉันอยู่ตรงนี้ ซึ่งต่อให้ใครจะยังด่าทอดิฉันก็ตาม แต่ดิฉันก็จะยังคงเคารพในจุดยืนของดิฉันที่ดิฉันเลือกและตัดสินใจด้วยตัวเอง
ส่วนเรื่องที่ปวินพูดเรื่องการเปิดกว้าง เรื่องการมีมนุษยธรรมต่าง ๆ ดิฉันได้สำรวจจิตใจตัวเองแล้ว และดิฉันคิดว่าดิฉันยังคงมีอยู่อย่างเต็มที่ค่ะ ดิฉันยังคงแยกแยะได้ และเรื่องนี้จะพิสูจน์ได้จริง ๆ ไม่ใช่เพราะคำพูดของปวินที่กล่าวหาดิฉัน แต่เป็นเพราะต่อดิฉันได้ใช้ชีวิตร่วมกับเพื่อนร่วมสังคมคนอื่น ๆ อย่างแท้จริง
ปวินตั้งคำถามถึงความเป็นเปรียญเก้าและคุณธรรมในตัวของดิฉัน ดิฉันก็ใคร่อยากจะขอตั้งคำถามถึงความเป็นศาสตราจารย์และความเป็นนักวิชาการในตัวของปวินบ้าง เมื่อไหร่คะที่ปวินจะมีความเป็นนักวิชาการอย่างแท้จริงและมีเหตุผลอย่างตรงไปตรงมาในทุกเรื่องอย่างที่นางชอบใช้กับคนอื่น
เมื่อไหร่จะเลิกนิสัยอย่างกะเทยอ๋องยาคุม วันดีมีวิชาการแต่คืนดีก็ไร้เหตุผล จิกกัดคนอื่นไปทั่ว ไม่บูลลี่หน้าตา ก็ดูถูกสติปัญญาคนอื่น ความใจแคบและอคติส่วนตัวของปวินในหลาย ๆ เรื่อง ทำให้ปวินดูเป็นคนที่มีวุฒิภาวะและเหตุผลมากกว่าคนอื่นตรงไหนคะ ถ้าไม่ใช่แค่เรียนสูงแล้วก็ประดิษฐ์คำพูดเป็นครั้ง ๆ ได้ดีกว่าคนอื่นก็แค่นั้น แต่พฤติกรรมก็เห็นๆ อยู่ค่ะ ก็ฝากไว้แค่นี้แหละค่ะ ขอบพระคุณนะคะ”


อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- สรุปให้ แพรรี่ VS ปวิน แซะเขมรจนดราม่ากันเอง ใส่เดือด ถ้าหล่อเห็นต่างได้ไม่สาป
- อ.ปวิน ทักแรง หลังรมต.กลาโหม เปิดตัว บุ๋ม ปนัดดา เป็นโฆษก ลั่น มีผลเสียมากกว่าผลดี
- แพรรี่ ห่วง หมอปลาย ดวงตก-เข้ารพ. แถมถูกแจ้งความ แนะพึ่งท่านยมช่วยได้
ติดตาม The Thaiger บน Google News: