เกิดก่อนปี 2535 เช็กด่วน ยังไม่ฉีดวัคซีน คาด 3 ล้านคนเสี่ยงมะเร็งตับ 100 เท่า ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี

คนไทยเกิดก่อนปี 2535 เช็กด่วน ควรฉีดวัคซีนป้องกัน คาด 3 ล้านคนติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง เสี่ยงมะเร็งตับสูงกว่าคนทั่วไป 100 เท่า
คุณเกิดก่อนปี พ.ศ. 2535 สุขภาพสำคัญที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน อาจเป็น “ภัยเงียบ” ที่ซ่อนอยู่ในร่างกายคุณโดยไม่รู้ตัว ทีมแพทย์โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ออกมาให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า ปัจจุบันคาดว่ามีคนไทยประมาณ 2-3 ล้านคน ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีแบบเรื้อรัง คนกลุ่มนี้มีความเสี่ยงที่จะเป็น “มะเร็งตับ” มากกว่าคนทั่วไปถึง 100 เท่า
ทำไมคนเกิดก่อนปี 2535 ถึงเป็นกลุ่มเสี่ยง?
พญ.อัญญา เกียรติวีระศักดิ์ แพทย์เฉพาะทางด้านอายุรศาสตร์ทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ อธิบายว่า เพราะเป็นช่วงเวลาก่อนที่ประเทศไทยจะมีการบรรจุ “วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี” เป็นวัคซีนพื้นฐานสำหรับเด็กแรกเกิดอย่างทั่วถึง
นั่นหมายความว่า คนที่เกิดก่อนยุคนั้นส่วนใหญ่จะไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกัน และอาจได้รับเชื้อมาจากคุณแม่ตั้งแต่ตอนคลอด (ซึ่งเป็นการติดต่อถึง 90%) โดยไม่เคยรู้ตัวมาก่อน และปล่อยให้เชื้ออยู่ในร่างกายจนกลายเป็นพาหะเรื้อรัง
หลายคนอาจคิดว่าไวรัสตับอักเสบเป็นแค่โรคติดเชื้อธรรมดา รักษาหาย แต่รู้หรือไม่ว่า หากปล่อยให้ตับอักเสบเรื้อรัง จะเป็น “สะพานนำไปสู่มะเร็งตับ” โดยตรง
เชื้อไวรัสบีเป็นเชื้อที่แข็งแรงมาก สามารถอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นาน ติดต่อกันได้ผ่านทางเลือดและสารคัดหลั่ง เช่น การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน การใช้ของมีคมหรือเข็มฉีดยาร่วมกัน
เมื่อติดเชื้อแล้วร่างกายจะตอบสนองได้ 2 แบบ
1. ติดเชื้อเฉียบพลัน: มักพบในคนที่เพิ่งติดเชื้อตอนโต ร่างกายแข็งแรงพอที่จะกำจัดเชื้อได้เองประมาณ 80-90% และจะมีภูมิคุ้มกันไปตลอดชีวิต
2. ติดเชื้อเรื้อรัง: นี่คือระยะที่อันตรายที่สุด เพราะร่างกายกำจัดเชื้อไม่ได้ ทำให้เชื้อยังคงอยู่และทำลายตับอย่างช้าๆ ซึ่งแม้ปัจจุบันยังรักษาให้หายขาดไม่ได้ แต่สามารถควบคุมโรคด้วยยาต้านไวรัสเพื่อไม่ให้ตับถูกทำลายไปมากกว่านี้ได้
เช็กลิสต์สุขภาพตับสำหรับคนเกิดก่อนปี 2535
ข่าวดีก็คือ เราสามารถจัดการกับภัยเงียบนี้ได้ เพียงแค่คุณต้องลงมือทำตามขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 ไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจเลือด บอกคุณหมอว่า “ขอตรวจหาเชื้อและภูมิคุ้มกันไวรัสตับอักเสบบี” เพื่อให้รู้สถานะของตัวเอง
ขั้นตอนที่ 2 ถ้ายังไม่ติดเชื้อและไม่มีภูมิคุ้มกัน คุณคือผู้โชคดี สิ่งที่ต้องทำคือ “ฉีดวัคซีนป้องกัน” ให้ครบ 3 เข็ม (เข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรก 1 เดือน และเข็มที่ 3 ห่างจากเข็มแรก 6 เดือน) ซึ่งมีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อได้สูงถึง 95%
ถ้าเคยติดเชื้อและหายแล้ว (มีภูมิคุ้มกันแล้ว) ร่างกายของคุณจัดการเชื้อได้เรียบร้อย ไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติม
ถ้าติดเชื้อ (เป็นพาหะ) ไม่ต้องตกใจ ให้รีบปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อวางแผนการดูแล แพทย์จะแนะนำให้ “อัลตราซาวนด์ช่องท้องส่วนบน” เพื่อตรวจดูตับทุกๆ 6 เดือน เพื่อคัดกรองมะเร็งตับตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ซึ่งหากตรวจพบเร็วก็มีโอกาสรักษาให้หายได้
การลงทุนตรวจสุขภาพตับและฉีดวัคซีนในวันนี้ คือการลงทุนเพื่อป้องกันมะเร็งตับในอนาคต อย่าปล่อยให้ “ปีเกิด” ของเรามาเพิ่มความเสี่ยงให้ชีวิต รีบไปตรวจเช็กกันตั้งแต่วันนี้เพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว
อ้างอิงข้อมูลจาก : กิจกรรม Let’s break it down รู้เร็ว รักษาไว ป้องกันได้…ลดมะเร็งตับ เนื่องในวันตับอักเสบโลก ประจำปี 2568 โดยโรงพยาบาลจุฬาภรณ์
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ส่งกำลังใจ หม่ำ จ๊กมก ป่วยไวรัสตับอักเสบ ลูก 7 คนเป็นหมด รักษาไม่หาย
- สุดห่วง “บอลพาเที่ยว” ป่วยไวรัสตับอักเสบบี อาจต้องกินยาตลอดชีวิต
- เตือนภัย! ไวรัสตับอักเสบบี (HBV) ติดต่อทางไหนได้บ้าง โรคร้ายก่อนกลายเป็น ‘มะเร็งตับ’
ติดตาม The Thaiger บน Google News: