อ.ปวิน ชี้ กษัตริย์กัมพูชา ฟอกอำนาจ ให้ ฮุน เซน เป็นผู้คุมเกมความมั่นคง

นายปวิน วิเคราะห์การออกพระราชสาส์นของกษัตริย์กัมพูชา ชี้เป็นการ ฟอกอำนาจ ให้ ฮุน เซน มีบทบาทอย่างเป็นทางการในการคุมความมั่นคง
5 สิงหาคม 2568 – นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการ ได้โพสต์เฟซบุ๊กวิเคราะห์สถานการณ์ล่าสุดระหว่างไทยและกัมพูชา โดยชี้ว่าพระราชสาส์นของกษัตริย์นโรดม สีหมุนี ที่มีไปถึงสมเด็จฯ ฮุน เซน ถือเป็นความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ซับซ้อนและมีความสำคัญอย่างยิ่ง เป็นการฟอกอำนาจ และรับรองบทบาทด้านความมั่นคงของฮุนเซนอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางความตึงเครียดตามแนวชายแดน
นายปวิน ระบุว่า “กษัตริย์กัมพูชาเคลื่อนไหวแล้ว เรื่องนี้เป็นประเด็นที่ซับซ้อน และสะท้อนถึงความตึงเครียดระหว่างกัมพูชาและไทยในเชิงการเมือง ความมั่นคง และรัฐธรรมนูญของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะบทบาทของฮุน เซน ที่ยังคงทรงอิทธิพลอย่างสูงแม้จะลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้วก็ตาม ดิชั้นขอวิเคราะห์เรื่องนี้ ดังนี้
1. การโต้กลับเชิงสัญลักษณ์ของฮุนเซนต่อเสียงวิจารณ์จากฝั่งไทย – การที่ฮุนเซนออกมายืนยันบทบาทตนเองว่าเป็นนายพล 5 ดาวและประธานองคมนตรี มีนัยยะตอบโต้เสียงวิจารณ์จากฝั่งไทยที่มองว่าเขาทำ “ผิดรัฐธรรมนูญ” ของกัมพูชา ที่เข้าไปยุ่งกับการสั่งการทหาร แต่ในความเป็นจริง ฮุนเซนยังคงมีฐานะพิเศษในระบบการเมืองของกัมพูชา โดยเฉพาะในฐานะ “สมเด็จเตโช” ซึ่งได้รับการยอมรับในด้านความมั่นคงจากทั้งกองทัพและราชสำนัก

2. พระราชสาส์นของกษัตริย์กัมพูชาที่ยืนยันอำนาจของฮุนเซนอย่างเป็นทางการ – พระราชสาส์นของกษัตริย์สีหมุนีมีผลทางการเมืองเพราะเป็นการ “ฟอกอำนาจ” ให้ฮุนเซนมีบทบาทอย่างเป็นทางการในการประสานงานเรื่องความมั่นคงกับนายกฮุนมาเนต ถ้อยคำอย่าง “การคุกคามจากกองกำลังทหารไทย” บ่งบอกถึงการสร้างความชอบธรรมให้การเคลื่อนไหวของกัมพูชา โดยตั้งอยู่บนฐานความมั่นคงของชาติ นอกจากนี้ ในเชิงรัฐธรรมนูญของกัมพูชา กษัตริย์เป็น ประมุขแห่งรัฐ และมีหน้าที่ “พิทักษ์เอกราชและบูรณภาพแห่งดินแดน” จึงสามารถออกพระราชโองการในลักษณะนี้ได้
3. ผลสะเทือนทางการเมืองในไทย – ข่าวนี้จะยิ่งทำให้เกิดแรงกดดันต่อรัฐบาลไทย โดยเฉพาะในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและการทหาร เพราะฝ่ายกัมพูชาชี้ชัดอีกครั้งว่าไทยคือ “ผู้คุกคาม” การที่ฮุนเซนได้พระราชอำนาจอย่างเป็นทางการ ยังอาจถูกตีความว่าเป็นการเตรียม “สองอำนาจคู่ขนาน” กับฮุนมาเนต เพื่อรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินโดยไม่ต้องอาศัยกลไกรัฐสภาหรือกระบวนการทางกฎหมายปกติ
4. การส่งสัญญาณภายในประเทศ – นี่เป็นสัญญาณถึงคนในกัมพูชาและกองทัพว่า ฮุนเซนยังคงเป็นผู้ควบคุมเกมด้านความมั่นคง แม้จะสละตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว การมีพระราชสาส์นอย่างเป็นทางการ มันช่วยสร้างความชอบธรรมเชิงกฎหมายและจิตวิทยาให้ฮุนเซนดำเนินนโยบายความมั่นคงได้โดยไม่ถูกกล่าวหาว่าแทรกแซงรัฐบาล
5. แนวโน้มและความเสี่ยงข้างหน้า – หากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชายังตึงเครียดต่อไป ฮุน เซน อาจมีบทบาทมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นผู้เจรจาแทนฮุนมาเนตในบางประเด็น ฝ่ายไทยจึงต้องประเมินบทบาทของฮุนเซนใหม่ ไม่ใช่เพียงในฐานะอดีตผู้นำ แต่ในฐานะ “ผู้มีอำนาจจริง” ด้านความมั่นคงที่ได้รับรองโดยกษัตริย์กัมพูชา (เราอาจจะรู้แล้วแหละว่าฮุนเซนคือพลังตัวจริง แต่วันนี้คือการคอนเฟิร์มอย่างเป็นทางการ)
โดยสรุป เรื่องนี้ไม่ใช่เพียงข่าวภายในของกัมพูชา แต่เป็นการเมืองระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับความชอบธรรมทางอำนาจ บทบาทของทหาร และการจัดการกับวิกฤติชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ในเชิงรัฐธรรมนูญอาจมีความคลุมเครือ แต่ในเชิงอำนาจจริง ฮุนเซนยังเป็นศูนย์กลางที่ไม่มีใครล้มได้ง่าย แม้แต่กษัตริย์สึหมุนียังกลายเป็นเบี้ยตัวหนึ่งของฮุน เซน แล้วฮุนเซนคนนี้ก็เคยเป็น best friend forever ของทักษิณ”
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- กษัตริย์กัมพูชา กล่าวหาไทย ใช้อาวุธเคมี-ระเบิดลูกปราย ชี้ เป็นอาชญากรรมสงคราม
- “กษัตริย์กัมพูชา” ยกย่อง “ฮุนเซน” รักชาติ-นำประเทศด้วยความฉลาด
- สุขสันต์วันเกิด “ฮุน เซน” 5 ส.ค. ครบรอบ 73 ปี จากเด็กวัด สู่จอมพลกองทัพเขมร
ติดตาม The Thaiger บน Google News: