สมรภูมิออนไลน์ไทย-กัมพูชา ปลุกชาตินิยมสุดขั้ว หญิงกัมพูชาวัย 31 เล่าออกจากบ้านเท่าที่จำเป็น

สมรภูมิออนไลน์ไทย-กัมพูชา ปลุกกระแสชาตินิยมสุดขั้วในวันที่สันติภาพยังเปราะบาง สาววัย 31 เล่าบรรยากาศตึงเครียดระหว่างสองชาติเพื่อนบ้าน
วันนี้ (2 ส.ค.) สำนักข่าวเดอะการ์เดียนเผยแพร่บทสัมภาณ์ของดา (นามสมมติ) หญิงชาวกัมพูชาวัย 31 ปีที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ตัดสินใจให้ลูกๆ ของเธอหยุดเรียนในสัปดาห์นี้ เพราะกลัวว่าพวกเขาอาจต้องเผชิญกับการถูกกลั่นแกล้ง
“เพื่อนของฉันคนหนึ่งไปตลาดเมื่อวานนี้เพื่อจะซื้อทุเรียน แต่คนขายกลับบอกเธอว่า เกลียดคนกัมพูชา” เธอบอกเล่าถึงบรรยากาศความตึงเครียดที่คุกรุ่นขึ้นระหว่างสองชาติเพื่อนบ้าน
เพียงไม่กี่วันหลังจากไทยและกัมพูชาประกาศข้อตกลงหยุดยิงเพื่อยุติการสู้รบนองเลือด 5 วันเต็ม แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองชาติยังคงอยู่ในภาวะที่สั่นคลอนอย่างน่าอันตราย และสันติภาพก็แขวนอยู่บนเส้นด้าย นับตั้งแต่การหยุดยิงมีผล ทั้งสองฝ่ายต่างกล่าวหากันว่าละเมิดข้อตกลง ขณะที่ในโลกออนไลน์ ความไม่ไว้วางใจของสาธารณชนกำลังถูกโหมกระพือด้วยการผสมปนเปกันอย่างขมขื่นของข่าวปลอม, คำขู่ และลัทธิชาตินิยม
ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุปะทะครั้งล่าสุด ซึ่งรุนแรงที่สุดในรอบทศวรรษ มีอย่างน้อย 43 รายจากทั้งสองฝั่งชายแดน และแม้ว่าชายแดนที่เคยคึกคักจะปิดตัวลง แต่ชาวกัมพูชาในไทยหลายพันคนก็ต่างเข้าคิวเพื่อเดินทางกลับประเทศ เพราะหวั่นเกรงกระแสความเกลียดชังที่เพิ่มสูงขึ้น

สมรภูมิออนไลน์ เมื่อความเกลียดชังไร้พรมแดน
สิ่งที่น่ากังวลที่สุดคือ โลกโซเชียลมีเดียได้กลายเป็นสมรภูมิแห่งใหม่ที่เต็มไปด้วยเนื้อหาปลุกปั่นและรุนแรง
คลิปวิดีโอไวรัลใน TikTok เผยให้เห็นชายไทยคนหนึ่งตบหน้าเด็กหนุ่มชาวกัมพูชา หลังจากบอกให้ไปเตือนสมเด็จฮุน เซน ไม่ให้โจมตีคนไทย ซึ่งต่อมาสมเด็จฮุน เซน ได้แชร์วิดีโอนี้บนเฟซบุ๊กของเขา พร้อมเตือนให้ชาวกัมพูชาในไทยระมัดระวังตัว
วิดีโออีกชิ้นหนึ่งที่ถูกแชร์อย่างกว้างขวาง แสดงภาพกลุ่มคนไทยกำลังรุมทำร้ายชายที่ถูกระบุว่าเป็นชาวกัมพูชา
เมื่อหญิงชาวกัมพูชา 2 คนโพสต์วิดีโอเหยียบธงชาติไทย ก็เกิดกระแสเรียกร้องให้เนรเทศพวกเธอทันที
แม้ทางการไทยจะพยายามเรียกร้องไม่ให้มีการยั่วยุ แต่ความขมขื่นยังคงถูกส่งต่อในโลกออนไลน์อย่างต่อเนื่อง
เชื้อไฟเก่าในโลกใหม่
ความรู้สึกเป็นคู่แข่งระหว่างสองชาติมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน โดยเฉพาะประเด็นเรื่องรากเหง้าทางวัฒนธรรมร่วมกัน ในปี 2003 ข่าวลือที่ว่านักแสดงไทยอ้างสิทธิ์เหนือนครวัด ทำให้เกิดจลาจลในพนมเปญจนสถานทูตไทยถูกเผา และนับแต่นั้นมา สงครามออนไลน์ก็ปะทุขึ้นเป็นระยะๆ ตั้งแต่เรื่องชื่อเรียกกีฬา “คุน แขมร์” กับ “มวยไทย” ไปจนถึงดราม่า “ขนมเขมร” ที่เกิดจากโพสต์ของทูตอังกฤษ
เทคโนโลยีโซเชียลมีเดียที่แพร่หลายกว่าในยุคปะทะปี 2008 และ 2011 ได้กลายเป็นเครื่องมือชั้นดีในการโหมไฟความขัดแย้งให้รุนแรงขึ้น
ปรากฏการณ์นี้ได้ลุกลามจากโลกออนไลน์สู่การปฏิบัติจริงที่น่ากังวล เมื่อโรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในจังหวัดอุบลราชธานีประกาศระงับการให้บริการผู้ป่วยใหม่ชาวกัมพูชาและ “แบ่งโซน” ผู้ป่วยเก่าอย่างเข้มงวด แม้จะถูกวิจารณ์ว่าเป็นการเลือกปฏิบัติและต้องยกเลิกนโยบายในที่สุด แต่ก็มีผู้คนจำนวนมากในโลกออนไลน์ที่สนับสนุนการกระทำดังกล่าว โดยมีความเห็นหนึ่งเขียนว่า “เราจะช่วยรักษาพวกเขาให้แข็งแรงเพื่อกลับไปยิงเราอีกหรือ?” ซึ่งเป็นวาทกรรมที่ลดทอนความเป็นมนุษย์ของอีกฝ่ายอย่างน่าอันตราย
สันติภาพที่ยังไร้ความแน่นอน
บรรยากาศของสังคมที่คุกรุ่นด้วยความเกลียดชัง อาจกลายเป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อข้อตกลงหยุดยิงที่เปราะบางนี้
เคน โลหเตปานนท์ นักวิเคราะห์การเมืองในประเทศไทย มองว่าการหยุดยิงน่าจะยังคงอยู่ต่อไปในระยะสั้น แต่ภาพในระยะกลางและยาวนั้นยังคงไม่ชัดเจน “ไทยและกัมพูชายังมีประเด็นปัญหาชายแดนอีกมากที่ต้องแก้ไข เพราะประเด็นหลักที่เป็นแก่นของความขัดแย้งยังไม่เคยถูกนำมาหารือกันเลย” เขากล่าว โดยชี้ว่าทั้งสองชาติยังคงยืนกรานที่จะใช้แผนที่คนละฉบับในการปักปันเขตแดน
สำหรับดาซึ่งอาศัยอยู่ไกลจากชายแดนในจังหวัดระยอง เธอเลือกที่จะอยู่แต่ในบ้าน ออกไปข้างนอกเท่าที่จำเป็น
“ในความเห็นของฉัน ทั้งสองฝ่ายต่างก็ทำผิด พวกเขาต้องหาทางพูดคุยกันอย่างสันติ”
“ฉันอยากให้สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ เปิดด่านชายแดนเพื่อให้คนไทยและคนกัมพูชากลับมาพบปะกันได้อีกครั้ง” เธอกล่าวทิ้งท้าย.



อ่านข่าวเพิ่มเติม
- กัมพูชา ร้อง OHCHR สอบปม ไทยจับเชลยศึก 20 นาย แต่ส่งคืนแค่ 2 ในสภาพย่ำแย่
- เขมรไม่เลิกเฟกนิวส์ อ้างทหารกัมพูชาเสียชีวิตจากแก๊สพิษที่ไทยปล่อย
- อัปเดตชายแดนไทย-กัมพูชา ถึง 7 โมงเช้า สงบ-ไม่มีเหตุปะทะ กองทัพภาค 2 สั่งยกระดับป้องกันโดรน
ติดตาม The Thaiger บน Google News: