ข่าว

อัปเดตชายแดนไทย-กัมพูชา ถึง 7 โมงเช้า สงบ-ไม่มีเหตุปะทะ กองทัพภาค 2 สั่งยกระดับป้องกันโดรน

สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา สงบ ไม่มีเหตุปะทะ ด้านกองทัพภาคที่ 2 สั่งยกระดับป้องกันภัยคุกคามจากโดรน

วันนี้ (2 ส.ค 68) เวลา 07.00 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชายังคงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีรายงานเหตุการณ์รุนแรงใด ๆ เกิดขึ้นตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในทุกพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดน ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังคงปฏิบัติหน้าที่เพื่อเฝ้าระวังและป้องกันเหตุอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกันวานนี้ (1 ส.ค.) กองทัพบกบูรณาการทุกภาคส่วน ยกระดับมาตรการรับมือภัยคุกคามจากโดรน หลังพบมีความพยายามบินตรวจการณ์ที่ตั้งทางทหาร

ตามที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ได้ออกประกาศ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 เรื่องห้ามมิให้ผู้ใดบังคับหรือปล่อยอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน หรือ “โดรน” ที่ควบคุมการบินจากภายนอก, ทุกวัตถุประสงค์การใช้งาน, และทุกพื้นที่ทั่วราชอาณาจักรโดยเด็ดขาด เพื่อป้องกันผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศจากสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาในปัจจุบัน

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารหรือหน่วยงานด้านความมั่นคงที่ได้รับมอบหมาย มีอำนาจในการใช้ระบบต่อต้านโดรน (Anti-Drone System) รวมถึงสามารถดำเนินการทำลายโดรนจากภาคพื้นดินได้ทันที

ในการนี้ พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก/รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ได้สั่งการให้ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 ถึง 4 และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 1 ถึง 4 ดำเนินมาตรการตามแนวทางดังต่อไปนี้

ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด โดยมีรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด (ฝ่ายทหาร) เป็นผู้รับผิดชอบในการหารือและประสานการปฏิบัติกับส่วนราชการ หน่วยงาน และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง โดยให้ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาคเป็นผู้ทำหน้าที่ควบคุมและวางแผนภาพรวมในการป้องกันและต่อต้านการใช้โดรนไม่ทราบฝ่าย

ให้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ ได้แก่ จังหวัด ตำรวจภูธรจังหวัด หน่วยงานความมั่นคง ภาคเอกชน และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งจัดตั้งชุดเคลื่อนที่เร็ว ประกอบด้วยกำลังจากฝ่ายพลเรือน ตลอดจนตำรวจจากสถานีตำรวจภูธร และสารวัตรทหาร เพื่อดำเนินการสกัดกั้นและติดตามจับกุมผู้บังคับหรือใช้โดรนไม่ทราบฝ่าย

สำหรับแนวทางการใช้อาวุธในการต่อต้านอากาศยานไร้นักบิน แบ่งเป็นกรณี ดังนี้

1.กรณีมีการใช้อาวุธก่อน หรือพบพฤติการณ์เป็นภัยคุกคามร้ายแรง ที่อาจกระทบต่อชีวิตของกำลังพลและประชาชน รวมถึงอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติ ให้หน่วยที่วางกำลังตามแนวชายแดนสามารถใช้อาวุธประจำกายหรืออาวุธประจำหน่วยเพื่อตอบโต้ภัยคุกคามได้ทันที

2.กรณีตรวจพบในพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 และ 2

  • พื้นที่แนวหน้า: สามารถใช้ทั้งมาตรการ Soft Kill และ Hard Kill ได้
  • พื้นที่ส่วนหลัง: ให้ใช้ Soft Kill เป็นลำดับแรก หากไม่สามารถดำเนินการได้ จึงให้ใช้ Hard Kill โดยต้องใช้อาวุธที่มีความแม่นยำสูง และไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตหรือทรัพย์สินของประชาชน

3.กรณีตรวจพบในพื้นที่กองทัพภาคที่ 3 และ 4

  • ให้เน้นการใช้มาตรการ Soft Kill ก่อนเป็นลำดับแรก หากสถานการณ์จำเป็น ให้ใช้มาตรการ Hard Kill ตามความเหมาะสม
  • การใช้อาวุธให้ถือเป็นความรับผิดชอบหลักของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยหน่วยทหารสามารถใช้อาวุธได้เฉพาะในขอบเขตที่ตั้งและพื้นที่รับผิดชอบของหน่วย โดยใช้อาวุธที่มีความแม่นยำสูง และต้องไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์

ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นหรือทราบเบาะแสเกี่ยวกับการบังคับหรือปล่อยอากาศยานไร้นักบิน ที่อาจฝ่าฝืนประกาศดังกล่าว สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สายด่วนความมั่นคง 1374 ตลอด 24 ชม.

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

0 0 โหวต
Article Rating
สมัครรับข้อมูล
แจ้งเตือนเกี่ยวกับ
0 Comments
เก่าแก่ที่สุด
ใหม่ล่าสุด ถูกโหวตมากที่สุด
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

Pachara

นักเขียนประจำที่ Thaiger จบการศึกษาด้านศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เคยผ่านประสบการณ์ผู้สื่อข่าวกีฬา เริ่มเขียนบทความกับ Thaiger ตั้งแต่ปี 2021 วิ่งกับการอ่านหนังสือ คือ กิจกรรมที่สนใจเป็นพิเศษ ช่องทางติดต่อ pachara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button
0
เราอยากทราบความคิดเห็นของคุณ โปรดแสดงความคิดเห็นx