เทียบพลัง “หน่วยรบพิเศษไทย” ปะทะ “BHQ” กองทัพส่วนตัว ฮุน เซน

เจาะลึก หน่วยรบพิเศษไทย ปะทะหน่วยคุ้มกันผู้นำเขมร เทียบภารกิจ-การฝึก-ประสบการณ์ ชี้ชัดหน่วยรบพิเศษไทยมีความพร้อมรบหลากหลายมิติกว่า
หลังจากที่เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 28 ก.ค. 68 รายงานจากฝ่ายความมั่นคงไทย ระบุว่า กองทัพเขมรบุกหนัก ส่งกำลังพลจากกองบัญชาการองครักษ์ หรือ BHQ (បញ្ជាការដ្ឋានអង្គរក្) ซึ่งเป็นกองกำลังพิทักษ์ ฮุน เซน ปะทะกับ หน่วยรบพิเศษของไทย บริเวณ สมรภูมิตาควาย คำถามสำคัญที่หลายคนให้ความสนใจคือศักยภาพของหน่วยรบที่ดีที่สุดของทั้งสองประเทศ เมื่อนำมาเปรียบเทียบกันแล้ว ใครจะมีความได้เปรียบมากกว่ากัน ระหว่างหน่วยบัญชาการรักษาความปลอดภัยของผู้นำกัมพูชา (BHQ) และหน่วยรบพิเศษของประเทศไทย
ภาพรวมของหน่วย BHQ กัมพูชา
หน่วย BHQ หรือกองบัญชาการทหารรักษาการณ์ของอดีตนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ถูกมองว่าเป็นหน่วยรบระดับกองพลที่มีสถานะคล้าย “กองทัพส่วนตัว” ของตระกูลผู้นำ โดยขึ้นตรงต่อผู้บัญชาการทหารสูงสุด มีภารกิจหลักในการคุ้มครองบุคคลสำคัญ พิทักษ์ศูนย์อำนาจในกรุงพนมเปญ และรักษาความมั่นคงภายใน หน่วยนี้มีต้นกำเนิดจาก “กองพล 70” ซึ่งเคยมีบทบาทสำคัญในเหตุการณ์รัฐประหารเมื่อปี 2540
ในด้านการฝึกฝน หน่วย BHQ เคยได้รับการฝึกด้านการต่อต้านการก่อการร้ายจากสหรัฐอเมริกาในช่วงแรก และต่อยอดด้วยการฝึกร่วมกับกองทัพจีนในโครงการ “มังกรทอง” ทำให้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าหน่วย BHQ ครอบครองอาวุธหนักจำนวนมาก รวมถึงรถถังและยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย ทำให้มีศักยภาพสูงในการรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินภายในประเทศ

ส่องหน่วยรบพิเศษไทย ผู้ชำนาญการหลากหลายภารกิจ
ในทางตรงกันข้าม หน่วยรบพิเศษของไทยมีโครงสร้างที่หลากหลายและครอบคลุมทุกมิติของการรบ ทั้งหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (SWC) ของกองทัพบก, หน่วยสงครามพิเศษทางเรือ หรือ Navy SEALs และหน่วยรบพิเศษทางอากาศ โดยมีภารกิจที่กว้างขวางตั้งแต่การต่อต้านการก่อการร้าย, การลาดตระเวนระยะไกล ไปจนถึงการช่วยเหลือตัวประกัน
จุดแข็งที่สุดของหน่วยรบพิเศษไทยคือการฝึกฝนที่เข้มข้นและประสบการณ์จริงที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ ทหารทุกนายต้องผ่านหลักสูตรที่โหดหินยาวนานตั้งแต่ 9 สัปดาห์ไปจนถึง 8 เดือน ซึ่งจำลองมาจากหลักสูตรของหน่วยเรนเจอร์และหน่วยซีลของสหรัฐฯ รวมถึงการฝึกร่วมกับกองกำลังพิเศษจากออสเตรเลียและเกาหลีใต้อย่างต่อเนื่อง ประสบการณ์รบจริงของไทยมีมาอย่างโชกโชน ตั้งแต่สงครามอินโดจีน, การรักษาความสงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และภารกิจระดับโลกที่ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์อย่างปฏิบัติการช่วยเหลือทีมฟุตบอลหมูป่าออกจากถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ซึ่งหน่วยซีลของไทยได้แสดงศักยภาพจนเป็นที่ประจักษ์ไปทั่วโลก
รายชื่อหน่วยรบพิเศษของไทย
กองทัพบกไทยมีหน่วยรบพิเศษภายใต้ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (Royal Thai Army Special Warfare Command) ซึ่งเดิมเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2497 ที่บ้านป่าหวาย จังหวัดลพบุรี หน่วยนี้แบ่งออกเป็นหลายกรมและกองพัน รวมถึง กรมรบพิเศษที่ 1–5 กองพลรบพิเศษที่ 1 รีเจนเดอร์ และหน่วยปฏิบัติการพิเศษของรักษาพระองค์หรือ Task Force 90 (พัน.ปพ.รอ.) ที่ผ่านการฝึกทั้งโดดร่ม ลาดตระเวนลึก และจิตวิทยาการรบ เพื่อปฏิบัติภารกิจล้วงลึกและต่อต้านก่อการร้าย
ในส่วนของ กองทัพเรือ, หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือหรือที่เรียกกันว่า Navy SEALs ถือเป็นหน่วยซีลระดับแนวหน้า เริ่มต้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2499 ฝึกทั้งการรบใต้น้ำ ดำน้ำ จู่โจม และต่อต้านโจรสลัด ปฏิบัติภารกิจทั้งในประเทศไทยและระหว่างประเทศ เช่น สงครามเย็น การปราบโจรสลัดอ่าวมาเลเซีย และปฏิบัติการช่วยถ้ำหลวงในปี 2018
กองพันลาดตระเวน กองพลนาวิกโยธิน (RECON) ของกองทัพเรือไทย เป็นหน่วยรีคอนดำน้ำ-บกแบบครบด้าน เรียกว่าทหาร “3D warrior” เพราะฝึกปฏิบัติภารกิจทั้งทางทะเล บนบก และทางอากาศ หลักสูตรของ RECON ขึ้นชื่อว่าหินและเข้มข้นมาก พวกเขารับใช้การลาดตระเวนล้ำลึก การซุ่มโจมตี และการต่อต้านการก่อการร้ายในหลายเหตุการณ์ภายในประเทศ
ฝ่าย กองทัพอากาศ มีหน่วยภายใต้ชื่อ กรมปฏิบัติการพิเศษ (Special Operations Regiment) หรือที่คนทั่วไปเรียกว่า “Commando” หน่วยนี้ก่อตั้งในช่วงปี พ.ศ. 2520 และพัฒนาเป็นระดับกรม มีภารกิจหลากหลาย ตั้งแต่ค้นหาและช่วยชีวิต (CSAR), ควบคุมการณ์จี้เครื่องบิน, การรบลับ, การตัดสัญญาณฝ่ายตรงข้าม, จิตวิทยาการรบ และดูแลความปลอดภัยในฐานอากาศ สำคัญคือภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยและการกู้ภัยอย่างมืออาชีพ
นอกจากนี้ ตำรวจไทย ก็มีหน่วยปฏิบัติพิเศษที่เข้มแข็งไม่แพ้ทหาร เช่น อรินทราช 26 ที่รับผิดชอบภารกิจต่อต้านการก่อการร้ายในกรุงเทพฯ, หน่วยนเรศวร 261 ของตำรวจตระเวนชายแดน, หนุมาน (Hanuman) ของกองปราบปราม, และ Sayobpairee 43 ของตำรวจปราบปรามยาเสพติด รวมถึงหน่วย SWAT ภูมิภาคต่าง ๆ ซึ่งหน่วยเหล่านี้ทำหน้าที่ทั้งการกู้ภัย, จู่โจม, และปฏิบัติการฉุกเฉินในเมืองและชายแดน

บทสรุป เทียบกันหมัดต่อหมัด
หน่วย BHQ ของกัมพูชาเป็นหน่วยรบระดับกองพลที่มีภารกิจหลักในการปกป้องผู้นำและรักษาความมั่นคงภายใน มีอาวุธหนักและได้รับการฝึกจากจีน ในขณะที่หน่วยรบพิเศษของไทยมีหลายหน่วยงาน เช่น หน่วยซีล และหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ซึ่งมีความชำนาญในภารกิจที่หลากหลายกว่า ผ่านการฝึกร่วมกับสหรัฐฯ และมีประสบการณ์รบจริงที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ เช่น ภารกิจช่วยเหลือทีมหมูป่าที่ถ้ำหลวง ทำให้โดยรวมแล้วหน่วยรบพิเศษของไทยมีศักยภาพและความพร้อมรบที่ครอบคลุมกว่า
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- กองทัพบก ประณาม กัมพูชา ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โจมตีหลังเที่ยงคืน
- ยังเชื่อไม่ได้! เขมรยิงยั่วยุทั้งคืน ไทยยิงโต้ด้วยกระสุนส่องสว่าง
- ทรัมป์ ปลื้มช่วยหยุดยิง “ไทย-กัมพูชา” ภูมิใจเป็น ปธน. แห่งสันติภาพ
อ้างอิง : วิกิพีเดีย/กองบัญชาการองครักษ์, วิกิพีเดีย/Royal Thai Army Special Warfare Command, THE nation, วิกิพีเดีย/รายชื่อหน่วยรบพิเศษของไทย
ติดตาม The Thaiger บน Google News: