ข่าวการเมือง

“พล.อ.ณัฐพล” วอนขอความเห็นใจสื่อ โดนสับทำงานช้า ปมไทย-กัมพูชา

พล.อ.ณัฐพล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม วอนขอความเห็นใจจากสื่อ ย้ำต้องทำงานรอบคอบ หลังโดนวิจารณ์ว่าทำงานล่าช้า

พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวก่อนการประชุม ศบ.ทก. ถึงการดำเนินการมาตรการตอบโต้กัมพูชา ว่า ตนมีความเข้าใจงานของสื่อที่ต้องรายงานข่าวให้เร็วที่สุดและมากที่สุด ขอให้เข้าใจตนด้วยว่า การทำงานของภาครัฐต้องทำตามขั้นตอน

ถ้าพูดอะไรไปก่อนตามความคิด ตามความเชื่อแล้วไม่ใช่ทีหลัง เชื่อก็ไม่เชื่อคำพูดตนขอให้เห็นใจ วันเสาร์-อาทิตย์ ที่ผ่านมาตนดูโซเชียลแทบไม่ได้พัก หลายสำนัก หลายนักวิชาการด่าว่าล่าช้าไม่ทันใจ เท่ากับ ฮุนเซน, ฮุนมาเนต โพสต์ลงในโซเชียล ถ้าไม่ใช่ก็ลบออก แต่เราจะทำตัวแบบนั้นไม่ได้ ถ้าทำอย่างนั้นเราก็จะศีลเสมอกัน ซึ่งตนยึดว่าการ การพูดอะไรแต่ละครั้ง ต้องใช่ ต้องถูกให้มากที่สุด อาจจะผิดพลาดได้ แต่ต้องน้อย ขอความเห็นใจจากสื่อมวลชนด้วย

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 ก.ค. ขณะนั้น ตนปฎิบัติหน้าที่ที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พอทราบข่าวก็ไปเยี่ยมกำลังพล ในวันที่ 17 ก.ค. ตนได้เดินทางไปเยี่ยมพลทหารที่บาดเจ็บ และในวันที่ 18 ก.ค. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเดินทางไปเยี่ยม เพราะมีความห่วงใย ได้สั่งการให้กองทัพภาคที่ 2 โดย กองกำลังสุรนารี เข้าสำรวจเพิ่มเติม ก่อนย้ำว่า การที่ เกิดระเบิดขึ้นมาแล้วบอกว่าเป็นระเบิดใหม่นั้น ต้องตอบคำถามให้ได้ว่าเพราะอะไรถึงบอกว่าใหม่ ส่วนบอกจะใหม่ไม่น่าใช่เหตุผล แต่เหตุผลที่ต้องตอบให้ได้ คือเราพบที่อื่นอีกหรือไม่ นอกจากลูกนั้นมีลูกอื่นอีกหรือไม่ และระเบิดที่วางเป็นชนิดอะไรเรามีใช้หรือไม่ หรือมีใช้เฉพาะกัมพูชา

การตรวจค้นทุ่นระเบิด ไม่ใช่การเดินตรวจของในสนามหญ้า ต้องค่อยเป็นค่อยไป ถ้าเราไปเร่งรัดมากแล้วตรวจค้นแล้วเจ้าหน้าที่ประสบอุบัติเหตุอีก ตนก็จะถูกตำหนิว่าทำไมถึงเร่งรัดตนก็อยากให้รีบ แต่ก็อยากให้รอบคอบ ขอให้เห็นความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ เพราะจากการสั่งการไปโดยขอให้ได้รับคำตอบภายใน 3 วัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้จบภารกิจภายใน 3 วัน ได้ตรวจค้นได้เพิ่มอีก 2 จุด 7 – 8 ทุ่น และทราบชนิดของทุนระเบิดเป็น PMN-2 ซึ่งเป็นของรัสเซีย เราไม่เคยมีใช้ ซึ่งเป็นสิ่งยืนยันได้ว่าของที่วางนั้นเป็นของประเทศอื่น ไม่ใช่ของเราแน่นอน อีกประการหนึ่งเราต้องตอบสังคมโลกให้ได้ว่าที่ว่าใหม่ที่บอกว่าใหม่นั้นมีวิธีดูอย่างไร ซึ่งมีสองวิธีในการดู คือ การกลบเกลื่อนร่องรอยเป็นของใหม่ แต่ถ้าเป็นของเก่าจะมีวัชพืชขึ้น ซึ่งอันที่เราตรวจพบเป็นการเอาเศษใบไม้และวัชพืชมาปกคลุม

นอกจากนี้ ทุ่นระเบิดที่เก็บกู้ได้พบว่าส่วนที่เป็นโลหะ หากเป็นของเก่าจะขึ้นสนิม แต่พบว่าโลหะยังคงวาว ก่อนย้ำว่า หากเราทำงานเช่นนี้จะไม่มีใครมาเถียงเราได้ เราชี้แจงได้ จึงอยากขอความเห็นใจ

กล่าวถึงภารกิจขั้นต้นที่ผ่านมาว่า เมื่อหลักฐานเพียงพอ ให้กองทัพภาคที่สอง แถลงข่าว และให้ฝ่ายเลขานุการศบ.ทก.ประชุมไปแล้วเมื่อวานเมื่อวานนี้ เพื่อเตรียมข้อมูลประชุมในวันนี้ ก่อนระบุอีกว่า การประชุม ศบ.ทก. เราจะมาเปิดประเด็นหารือในที่ประชุมไม่ได้ เพราะที่ประชุมจะประกอบด้วยผู้บริหารระดับสูง จะต้องมีข้อเสนอว่าแนวทางการดำเนินการเป็นอย่างไร หากนับเหตุการณ์ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค. จนถึงวันนี้ และประสบการณ์ของตนเอง ที่รับราชการมา ถือว่าเร็วแล้ว ขอเรียนสื่อมวลชนว่า การประชุมออตตาวา จะประชุมช่วง พฤศจิกายน – ธันวาคม เพราะฉะนั้นหากมีการส่งฟ้องตั้งแต่วันศุกร์หรือส่งฟ้องวันนี้ มีค่าเท่ากันคือต้องรอการพิจารณาในเดือนธันวาคม สู้เราทำสำนวนให้รอบคอบไม่ดีกว่าหรือ นี่คือสิ่งที่ ศบ.ทก. ยึดถือ การที่เราทำสำนวนก็เหมือนการทำสำนวนคดีทั่วๆ ไป หากทำสำนวนไม่รอบคอบศาลไม่รับฟ้อง สำนวนก็ตก หรือทำสำนวนไปแล้วกัมพูชาก็โต้กลับมาได้ เราก็จะเสียความน่าเชื่อถือ นี่คือสิ่งที่ตนห่วงใยมากกว่า

ก่อนกล่าวตัดพ้อว่า “ตนเข้าใจสื่อมวลชนบางสำนักอาจจะได้ข่าวที่เร็ว หรือได้ข่าวมาจากคนที่ไม่เกี่ยวข้องตนไม่ว่าแต่อยากให้เข้าใจการทำงานของหน่วยงานภาครัฐไม่ใช่ได้ข่าวมาแล้ว มาตำหนิภาครัฐว่าช้า ท่านก็ตำหนิกัมพูชาไปผมไม่ว่า คนไทยทั้งประเทศต้องช่วยกันได้ข่าวมากลับมาตำหนิภาครัฐตรงนี้อยากขอความเห็นใจ เพราะต้องทำงานตามขั้นตอนต้องรัดกุม ถ้าทำงานพลาดท่านก็มาตำหนิผมอีก ในสังคมจะมีคนทั้งสองฝ่าย ทั้งฝ่ายที่เข้าใจและเห็นใจ ที่บอกว่าทำดีอยู่แล้วต้องรอบคอบต้องไม่พลาด แต่ฝ่ายที่ตำหนิเสียงมักจะดังกว่า ซึ่งตนได้ทำใจมาแล้วเมื่อมาอยู่ตรงนี้ แต่สงสารน้องๆที่พลอยจะโดนไปด้วย” พลเอกณัฐพล กล่าว

พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า งานของ ศบ.ทก. หรืองานของกระทรวงกลาโหม ไม่ได้มีเฉพาะแค่เรื่องนี้ กับเรื่องทุ่นระเบิด อย่างเดียว แม้แต่เรื่องของสวัสดิการของเจ้าหน้าที่ทหารที่ได้รับบาดเจ็บ หากบาดเจ็บพิการ จะทำอย่างไร ตนคิดอยู่ตลอด แต่ก็โดนสื่อบางสำนักหันไปโจมตี กับเรื่องทหารที่พิการจะทำอย่างไร ตนยืนยันว่าทำมาตลอดแต่ทำอย่างรอบคอบ และยึดตามหลักเกณฑ์ และทำแบบคำนึงถึงกรณีอื่นด้วย สื่อกำลังให้ความสำคัญ กับน้องที่ถูกกับระเบิดขาขาด ตนก็ถูกถามกับสื่อที่ภาคใต้ว่า แล้วพลทหารที่ถูกซุ่มโจมตีจะดูแลอย่างไร สื่อมวลชนเห็นหรือไม่ว่าตนถูกถามมาจากทุกทิศทุกทาง ทหารให้ความสำคัญ กับทหารที่บาดเจ็บพิการ แล้วคนที่เสียชีวิตจะทำอย่างไร คนที่รับผิดชอบ ปัญหาจะมาหลายทาง ตอนนี้ตัวผมเอง วิ่งเหมือนหมาที่กัดเจ็บในหางตัวเอง คือพยายามจะทำให้ดีที่สุด

เมื่อถามถึง มาตรการตอบโต้กัมพูชา พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า การประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ เมื่อวันที่ 6 ก.ค. ที่ผ่านมา ได้มอบอำนาจให้ศบ.ทก. ตกลงใจในการทำการใดๆ ที่ไม่ใช่เรื่องผูกพันอธิปไตย หรือขัดต่อกฎหมาย ก็สามารถตกลงใจได้เลย ดังนั้นที่ประชุม ศบ.ทก. วันนี้ ก็จะได้ข้อยุติที่สามารถดำเนินการได้เลย เพราะ ศบ.ทก. ไม่ใช่แค่กองทัพอย่างเดียว แต่ยังมีกระทรวงการต่างประเทศ คณะกรรมการกฤษฎีกา โดยมีคณะกรรมการจากหน่วยงานต่างๆทั้งหมด 27 คน ที่เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยราชการต่างๆ เพียงแต่เรื่องที่สำคัญต้องรายงานให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีทราบด้วย

เมื่อถามถึงการยื่นฟ้องว่า ทางกัมพูชาผิดอนุสัญญาออตตาวา จะยื่นในนาม รัฐบาลหรือ ศบ.ทก. สามารถทำได้เลย พลเอก ณัฐพล กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศ ทำในนามรัฐบาล ซึ่ง ศบ.ทก. จะแบ่งงานเป็นสองกลุ่มใหญ่ คืองานเฉพาะหน้า การปฏิบัติการทหารตามแนวชายแดน มาตรการควบคุมด่าน หรือประชาชนตามแนวชายแดนเดือดร้อน แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นระยะยาว ต้องใช้ความปราณีต จะดำเนินการโดยกระทรวงการต่างประเทศ อยู่ภายใต้การอำนวยการของ ศบ.ทก. และหลังจากที่ประชุมศบ.ทก. มีมติเห็นชอบ กระทรวงการต่างประเทศ ก็จะดำเนินการ ทำหนังสือประท้วง และแนวทางที่วางไว้นอกจากการทำหนังสือประท้วงไปที่คณะกรรมการออตตาวาแล้ว เรายังจะประท้วงไปยังกัมพูชาด้วย หลังจากที่เมื่อวานนี้ ฝ่ายเลขาฯ ได้มีการประชุม ซึ่งก็จะนำ เข้าสู่ที่ประชุมใหญ่ ศบ.ทก. วันนี้ด้วย และจะมีการแถลงข่าว ในช่วงเที่ยง

“ทั้งนี้ต้องขออภัยการทำงานของรัฐบาล อาจจะไม่ทันใจสื่อมวลชน แต่เราต้องทำงานตามขั้นตอน เราต้องให้เกียรติกัน ไม่ใช่ว่า ตนรู้จักฝ่ายเลขาฯ และมาพูดบอกสื่อหมดตอน เช้าก่อนเข้าห้องประชุม แล้วพอเข้าห้องประชุมก็ไปถาม ที่ประชุม ก็จะบอกว่าท่านพูดไปแล้ว จะมาถามอะไรอีก ก็จะเป็นแบบนี้จึงอยากให้ฉันเข้าใจ” พลเอก ณัฐพล กล่าว

เมื่อถามว่าหากผลการยื่นร้องต่อ คณะกรรมการออตตาวา แล้วชนะ ผลที่จะเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมนั้นคืออะไร พลเอก ณัฐพล กล่าวว่า ในบทลงโทษนั้นไม่ชัดเจน ก็ต้องขึ้นอยู่กับทางออตตาวา แต่ยืนยันว่าปัจจุบันทางกัมพูชาผิดอยู่ สองเรื่องแน่ๆ หนึ่งคือการวางทุ่นระเบิดใหม่ ซึ่งสมาชิกที่มีพันธะกรณี กับอนุสัญญาออตตาวา จะต้องไม่ทำแบบนี้ สองคือ ยังมีของใหม่อยู่ในครอบครอง ซึ่งสมาชิก ของอนุสัญญา จะต้องทำลายทุ่นระเบิด ไม่ว่าจะทำลายหมดทันที หรือค่อยทำลาย ยังไงก็ต้องมีขั้นตอนที่ชัดเจนว่าจะทำลายหมดเมื่อไหร่ แต่ถ้ายังทำลายไม่หมด และเอามาใช้ก็ผิดแล้ว

ที่จริงแล้วตนไม่อยากจะพูดออกสื่อก่อน พูดไปอาจทำให้ทางกัมพูชารู้ว่าตนคิดอะไรอยู่ แต่ต้องเรียนว่าขณะนี้ตนคงต้องยอม อาจจะเสียเปรียบบ้าง ตนคิดว่าเพื่อความได้เปรียบจะไม่บอกอะไร แต่สังคมเป็นอย่างนี้ สื่อมวลชน ก็ต้องทำหน้าที่หาข้อมูลตนก็เห็นใจสื่อ ก็ต้องช่วยสื่อมวลชนทำงานด้วย จึงต้องให้ข้อมูล และตนก็ทำงานยากขึ้น จะทำงานง่ายๆสบายๆไม่ได้แล้ว ก็พูดเลยว่าเขาผิดสองเรื่อง และจะส่งข้อมูลไปยังประเทศที่เป็นสปอนเซอร์ของกัมพูชา ที่สนับสนุนเงิน ในพันธกรณีที่เกี่ยวกับออตตาวา ว่า สนับสนุนเงินเขาไปปัจจุบันเขาเป็นแบบนี้ ก็แล้วแต่เขาจะพิจารณา ตนถึงได้บอกว่าการที่จะบอกเขา สำนวนเราต้องแน่น ชัดเจนมีภาพให้เห็น มีหลักฐาน ไม่ใช่เพียงแค่มีคนบอกว่าใหม่ เราเคยกวาดล้างมาแล้วก็ไม่น่าจะมีของเก่า หากส่งสำนวนไปแค่นี้ สื่อคิดว่าสำนวนจะตกหรือไม่

ส่วนประเด็นการยื่นฟ้องกัมพูชา กรณีที่ละเมิดพันธกรณีอนุสัญญาออตตาวา เป็นการยื่นในฐานะศบ.ทก. หรือรัฐบาล และจะมีการยื่นผ่านองค์การสหประชาชน (UN) หรือไม่ ว่า ต้องถามความชัดเจนจากกระทรวงการต่างประเทศ แต่เราไม่อยากยื่นเข้าไปใน UN เพราะจะไปเกี่ยวพันกับองค์กรอื่นๆ เราอยากมุ่งไปที่อนุสัญญาออตตาวาเป็นหลัก เจาะจงเฉพาะกรณีนี้เท่านั้น ซึ่งขอรอให้มีความชัดเจนอีกนิดหนึ่ง โดยจะมีการแถลงข่าวถึงรายละเอียดเพิ่มเติมในเวลา 12:00 น.

ส่วนมีความเป็นไปได้หรือไม่ว่าฝั่งกัมพูชาวางระเบิดโดยยึดแผนที่ของตนเอง พลเอกณัฐพล กล่าวว่า ตรงนี้เราไม่สนใจว่าเขาจะยึดแผนที่เขาหรือไม่ แต่เรายึดแผนที่เราเพราะตรงนี้ คือแผ่นดินเราและเป็นอธิปไตยของเรา เราไม่สนใจว่าเขายึดแผนที่ไหน กองทัพสนใจอย่างเดียวว่านี่คือแผ่นดินไทย หากเขาจะอธิบายว่าเป็นพื้นที่ของเขาก็ให้มาอธิบายในคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ เจบีซี ซึ่งเราอยากจะชี้ให้สื่อมวลชนเห็นว่า การที่ ฮุนมาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกแถลงการณ์ว่ากัมพูชาจะใช้กระบวนการเจบีซี แต่ขณะเดียวกันก็ใช้มวลชนมากดดันที่ประสาทตาเมือนธม ซึ่งแสดงถึงความไม่จริงใจ อีกทั้งยังถือเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จะต้องหารือกันในที่ประชุมและ ต้องแถลงข่าวในเรื่องนี้เพื่อให้เห็นว่าผู้นำกัมพูชามีความจริงใจหรือไม่ เพราะการที่มีมวลชนมากว่า 1,000 คน รัฐบาลจะบอกว่าไม่รู้เรื่องไม่ได้ หากจะบอกว่าไม่รู้เรื่องก็ได้ แต่จะต้องแก้ไขและทำความเข้าใจกับประชาชน ไม่ใช่ปล่อยให้ประชาชนคนกัมพูชาออกมาทำแบบนี้เมื่อวาน อย่างไรก็ตามยืนยันว่าเราดูอยู่ทั้งหมด แต่ไม่อยากให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความเครียด

พล.อ.ณัฐพล กล่าวอีกว่าขณะนี้พี่น้อง 7 จังหวัดชายแดนเดือดร้อนมากและกดดันตนเองว่าเมื่อไรเรื่องจะจบเสียที ฉะนั้นตนต้องรักษาบรรยากาศไม่ให้อ่อนแอหรือเข้มแข็งเกินไปจนกระทั่งหาที่ลงไม่ได้ แต่ตนเองก็จะโดนทั้งสองทางพี่น้องอีก 70 จังหวัด ก็จะถามว่าทำไมไม่เข้มแข็งเลยเหมือนหมานำราชสีห์ แต่พี่น้อง 7 จังหวัดชายแดนก็จะบอกว่าไม่เคยสนใจเลยว่าพวกเขาเดือดร้อนอย่างไร ซึ่งตนเองโดนเรื่องนี้อยู่ และจริงๆแล้วก็ไม่อยากให้ไปทำข่าวว่าพี่น้อง 7 จังหวัดชายแดน เดือดร้อนอย่างไร เพราะเดี๋ยวฝ่ายกัมพูชาก็จะทราบว่าเราก็แย่อยู่ และอยากให้เข้าใจด้วยว่าทีมงานของตนเหน็ดเหนื่อยขนาดไหนแต่ไม่ต้องสนใจตนเอง เพราะก็ต้องรับภาระแบบนี้และทำใจมาก่อนแล้ว

นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงการจัดระเบียบการเข้าเยี่ยมประสาทตาเมือนธม ว่ามีการจัดระเบียบแล้ว ซึ่งตนเอง เห็นใจแม่ทัพภาคที่ 2 มากและมีการคุยกันแล้วระหว่างทหารกับรัฐบาลว่าสถานการณ์แบบนี้อยากให้เข้มแข็ง แต่หากเข้มแข็งเด็ดขาดอาจเกิดการกระทบกระทั่งจนใช้อาวุธได้ กัมพูชาซึ่งปัจจุบันแม่ทัพภาคที่ 2 ได้พูดคุยกับผู้บัญชาการหน่วยของฝั่งกัมพูชาแล้วว่า ทหารกัมพูชาที่ขึ้นมาอยู่ในพื้นที่จะมีฝั่งละ 7 คนเท่านั้น จะได้ไม่มีเหตุการณ์ที่กรูขึ้นมาอีก ไม่เช่นนั้นภาพมันจะไม่ดีทั้งสองฝ่าย และประชาชนจะทยอยขึ้นมาเป็นคณะ หากมีประชาชนที่มีท่าทียั่วยุทหารจะต้องนำออกจากพื้นที่ เราพัฒนาการดำเนินการมาตามลำดับ ขณะเดียวกันเมื่อวานนี้ก็มีการเตรียมการว่าหาก กัมพูชาไม่ทำตามข้อตกลงจะทำอย่างไร แต่เมื่อวานนี้เรียบร้อยดีจึงไม่เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ดังนั้นยืนยันว่า เรามีการเตรียมการรับมืออยู่แล้ว

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

0 0 โหวต
Article Rating
สมัครรับข้อมูล
แจ้งเตือนเกี่ยวกับ
0 Comments
เก่าแก่ที่สุด
ใหม่ล่าสุด ถูกโหวตมากที่สุด
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

Nateetorn S.

ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button
0
เราอยากทราบความคิดเห็นของคุณ โปรดแสดงความคิดเห็นx