
กยศ. แจงด่วน ปมระบบรวนหักเงินซ้ำซ้อน-เกินยอด ขออภัยผู้กู้ เผยเกิดจากระบบรวน ยันเร่งคืนเงินอัตโนมัติเร็วที่สุด พร้อมค่าธรรมเนียมภายใน 3 วัน
กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ชี้แจงและขออภัยอย่างเป็นทางการ กรณีเกิดเหตุการณ์ระบบหักบัญชีเงินฝากอัตโนมัติ (Auto Debit) ผิดพลาด ทำให้มีการหักเงินจากบัญชีของผู้กู้ยืมซ้ำซ้อนหรือเกินกว่ายอดที่ต้องชำระเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ยืนยันว่าจะเร่งดำเนินการคืนเงินเข้าบัญชีเดิมของผู้กู้ยืมโดยอัตโนมัติให้เร็วที่สุดภายใน 3 วัน
หลังจากที่ในโลกโซเชียลมีเดียได้เกิดกระแสการร้องเรียนจากผู้กู้ยืม กยศ. ถึงกรณีที่ถูกระบบหักเงินในบัญชีเงินฝากอัตโนมัติ ทั้งที่บางรายได้ชำระหนี้ตามงวดรายปีไปแล้วหรือบางรายชำระเกินกว่ายอดที่กำหนดไว้แล้วก็ตาม สร้างความสับสนและเดือดร้อนให้กับผู้กู้ยืมเป็นอย่างยิ่ง
ล่าสุด กยศ. ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงถึงสาเหตุของปัญหาดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊ก กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ยอมรับว่าเกิดจากความคลาดเคลื่อนของระบบการคำนวณหนี้ใหม่ เชื่อมต่อกับระบบการหักบัญชีอัตโนมัติ ทำให้ระบบดึงข้อมูลยอดหนี้ที่คลาดเคลื่อนไปดำเนินการหักเงินจากบัญชีผู้กู้ยืมส่งผลให้เกิดการหักเงินซ้ำซ้อนหรือหักเงินเกินกว่าที่ควรจะเป็นในบางราย
กยศ. ขออภัยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและได้ประกาศมาตรการในการแก้ไขปัญหาและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วน โดยคืนเงินส่วนที่หักเกินโดยอัตโนมัติ เข้าสู่บัญชีเงินฝากเดิมที่ใช้ในการหักเงินของผู้กู้ยืมโดยตรง พร้อมคืนค่าธรรมเนียมการโอนเงิน ที่เกิดขึ้นจากข้อผิดพลาดในครั้งนี้ให้ด้วย ดำเนินการคืนเงินให้เร็วที่สุด ภายใน 3 วัน หลังจากที่การตรวจสอบรายละเอียดร่วมกับผู้พัฒนาระบบเสร็จสิ้น
นอกจากนี้ กยศ. ยังได้ให้ความมั่นใจว่าจะดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพื่อไม่ให้ผู้กู้ยืมที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ต้องเสียประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้น พร้อมกันนี้กำลังอยู่ในระหว่างการหาเครื่องมือและพัฒนาระบบเพื่อช่วยในการตรวจสอบข้อมูลให้มีความแม่นยำยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ซ้ำอีกในอนาคต
สำหรับผู้กู้ยืมที่ได้รับผลกระทบ ขอให้ตรวจสอบยอดเงินในบัญชีของท่านในอีก 3 วันข้างหน้า หากมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่เพจเฟซบุ๊กทางการ กยศ. หรือโทรศัพท์ 0-2016-4888
ภาพจาก Facebook : กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ติดตาม The Thaiger บน Google News: