กองปราบฯ เปิดคำให้การ “สีกากอล์ฟ” ยืนกรานปฏิเสธข้อกล่าวหาข่มขืนใจ รีดทรัพย์ “ทิดแหล่” อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ อ้างยืมเงิน-ขอความร่วมมือ ไม่ใช่การขู่แบล็กเมล
ความคืบหน้าล่าสุด หลังจากที่ กองปราบฯ คุมตัว “สีกากอล์ฟ” เค้นสอบเครียด เจ้าตัวยืนกรานปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาคดีรีดทรัพย์อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ อ้างเงินที่ได้มาเป็นเพียงการ “ขอยืม” มิใช่การขู่กรรโชก ด้านตำรวจเปิดแผนประทุษกรรม ชี้พฤติการณ์สุดแยบยล จ้องใช้เสน่หาลวงพระชั้นผู้ใหญ่เพื่อหวังทรัพย์สินมาปรนเปรอชีวิตหรู
ความคืบหน้ากรณีอื้อฉาวสะเทือนวงการผ้าเหลือง ภายหลังการสอบปากคำ น.ส.วิลาวัลย์ หรือ “สีกากอล์ฟ” อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาในคดีข่มขืนใจและรีดเอาทรัพย์จาก “ทิดแหล่” อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร ล่าสุด พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม (รอง ผบก.ป.) ได้เปิดเผยถึงรายละเอียดการสอบสวน
พ.ต.อ.เอนก ระบุว่า พนักงานสอบสวนได้แจ้ง 2 ข้อหาหนักแก่ น.ส.วิลาวัลย์ คือ รีดเอาทรัพย์ และ กระทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสียเสรีภาพ ซึ่งผู้ต้องหาได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยในประเด็นการขู่บังคับเอาเงินจากทิดแหล่ แลกกับการไม่เปิดโปงความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาว
สีกากอล์ฟ อ้างว่า เงินจำนวนดังกล่าวเป็นเพียงการ “ขอยืม” เพื่อนำไปชำระค่าเช่ารถเท่านั้น ไม่ได้มีการข่มขู่แบล็กเมลแต่อย่างใด ส่วนข้อหาทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ กรณีที่ถูกกล่าวหาว่าบีบบังคับให้ทิดแหล่ร่างหนังสือร้องเรียน “เจ้าคุณอาชว์” นั้น ผู้ต้องหาชี้แจงว่า เป็นเพียงการ “ขอความร่วมมือ” มิได้มีการบังคับจิตใจ
จากการวิเคราะห์แผนประทุษกรรมโดยละเอียด พ.ต.อ.เอนก เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจพบข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจ โดยเชื่อว่า น.ส.วิลาวัลย์ มีเจตนาชัดเจนในการเข้าหาพระชั้นผู้ใหญ่ โดยมุ่งเป้าไปที่ทรัพย์สินเป็นหลัก พฤติการณ์คือการสร้างสัมพันธ์ในเชิงชู้สาวเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินทองสำหรับใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ซึ่งอาจถอดแบบมาจากความสำเร็จในกรณีของอดีตพระที่จังหวัดพิจิตร ซึ่งเคยให้การอุปถัมภ์ด้านการเงินแก่เธอมาก่อน
“พฤติการณ์ของผู้ต้องหาคือจะเลือกเข้าหาวัดดัง เพื่อหาช่องทางใกล้ชิดเจ้าอาวาสหรือพระชั้นผู้ใหญ่ เพราะเชื่อว่าจะมีเงินทองมาดูแลตนเองได้” พ.ต.อ.เอนก กล่าว พร้อมชี้ให้เห็นถึงไลฟ์สไตล์ที่หรูหรา ทั้งการเช่าบ้านพักเดือนละ 30,000-40,000 บาท และการเช่ารถหรูเพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้ดูดีมีฐานะเวลาเดินทางไปวัดต่าง ๆ
สำหรับประเด็นผู้ร่วมขบวนการ จากการสืบสวนเบื้องต้นยังไม่พบว่ามีบุคคลอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องหรือร่วมรับผลประโยชน์ด้วย พฤติการณ์ทั้งหมดจึงเชื่อได้ว่าเป็นการกระทำของ น.ส.วิลาวัลย์เพียงลำพัง โดยอาศัยช่องโหว่และจุดอ่อนของพระสงฆ์ในการแสวงหาผลประโยชน์
ขณะเดียวกัน ในส่วนของคดีฉ้อโกงที่เกี่ยวข้องกับอดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดพิจิตร ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกองปราบปรามเช่นกันนั้น ขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม เนื่องจากพนักงานสอบสวนต้องการรวบรวมพยานหลักฐานให้รัดกุมและสมบูรณ์ที่สุด คาดว่าเมื่อหลักฐานมีความคืบหน้าไปแล้ว 70-80% จะดำเนินการแจ้งข้อหาในเรือนจำต่อไป
อย่างไรก็ดี ตลอดการสอบปากคำ น.ส.วิลาวัลย์ได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี และให้การในทุกประเด็นที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนกรณีของอดีตพระมหาบุญเลิศ วัดใหม่ยายแป้น ซึ่งเคยเข้าให้ปากคำก่อนหน้านี้ ยังไม่ได้มีการเข้าแจ้งความร้องทุกข์อย่างเป็นทางการแต่อย่างใด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- สีกากอล์ฟ ไม่ยื่นประกันตัว ก้มหน้าเข้าเรือนจำ หลังตร.ฝากขังศาลอาญาผัดแรก
- ข้าวมื้อแรก “สีกากอล์ฟ” หลังติดคุก กินอิ่ม-นอนหลับ เตรียมนำตัวฝากขังศาลอาญา
- เปิด 3 ข้อหาหนัก “สีกากอล์ฟ” ถูกออกหมายจับ เซ่นปมฉาว นารีพิฆาตสงฆ์
อ้างอิงจาก : ch3plus
ติดตาม The Thaiger บน Google News:
ข่าวล่าสุด
