กางกฎหมาย “จอนนี่ มือปราบ” ดราม่าหลังซัดรัฐบาล ปมรีสอร์ตรุกที่หมดประตูสู้จริงไหม

กรณีร้อนของ “จอนนี่ มือปราบ” ยุทธพล ศรีสมพงษ์ อดีตตำรวจภาพจำอินฟลูฯ ลาออกจากราชการ แล้วเกิดไปประกอบธุกิจสร้างรีสอร์ท ซึ่งชั่วโมงนี้กำลังเกิดกรณีตรวจสอบการรุกล้ำเขตนิคมสร้างตนเอง จ.อุบลราชธานี
จากรายงานสิ่งที่เป็นปมขัดแย้งเพิ่มเติม คือ อีกฝ่ายพยายามส่งหนังสือแจ้งให้ยุติการทำรีสอร์ตแล้ว แต่กลับไม่ได้รับความร่วมมือ มิหนำซ้ำยังถูกข่มขู่ โดยเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ล่าสุดทางฝั่งของทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ นักกฎหมายตัวตึง ได้ถือโอกาสไขคดีคร่าว ๆ ด้วยการวิเคราะห์เปิดแง่มุมทางข้อกฎหมายในกรณีนี้
ด้านของทนายความเปิดหัวไว้ชัดเจน แทบจะเกือบฟันธง ประเด็นนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี ที่จอห์นนี่มือปราบถูกกล่าวหานั้น ถ้าหากไปกางข้อมูลในแง่ตัวบทและกฏที่มีบังคับอยู่นานแล้ว ต้องบอกเลยว่า จอนนี่มือปราบแทบจะหมดประตูสู้เลย เนื่องจาก
- ที่ดินที่เข้าไปครอบครองนั้นเป็นพื้นที่ส่วนกลางของนิคม ซึ่งตามกฎหมายไม่มีใครมีสิทธิส่วนตัวอยู่ก่อนและรัฐห้ามบุกรุกโดยไม่ได้รับอนุญาต (ผิดมาตรา 15)
- ผู้ถูกกล่าวหาไม่ใช่สมาชิกนิคมลำโดมน้อยมาก่อน ไม่มีหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์จากกรมพัฒนาสังคมฯ แต่อย่างใด กรมฯ ยืนยันว่าตรวจสอบประวัติแล้ว ไม่เคยมีการอนุญาตสิทธิให้บุคคลนี้ และแน่นอนว่ายังไม่มีเอกสารสิทธิในที่ดินดังกล่าวออกมา
ดังนั้นผู้ถูกกล่าวหาจึงไม่มีสิทธิครอบครองที่ดินนี้อย่างถูกต้องตามกฎหมายมาแต่ต้น การสร้างสิ่งปลูกสร้างรีสอร์ตถือเป็นการบุกรุกที่ดินของรัฐโดยตรง ยิ่งไปกว่านั้นหากมีการแผ้วถางป่า ตัดไม้ หรือทำลายทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ ก็เข้าข่ายความผิดตามกฎหมายป่าไม้เพิ่มเติมด้วย
ผู้ถูกกล่าวหาอาจกล่าวว่าได้ซื้อหรือรับโอนสิทธิมาจากชาวบ้านรายหนึ่ง
ที่อ้างว่ามีสิทธิดั้งเดิมในที่ดินแถบนั้น (เช่น เป็นสมาชิกนิคมที่อยู่ติดกันหรือเคยทำกินบริเวณนั้นมาก่อน) อย่างไรก็ดี หากเป็นพื้นที่ป่าไม้ส่วนกลางจริง ชาวบ้านคนดังกล่าวก็ไม่มีสิทธิจะขายหรือโอนให้ใคร เพราะไม่เคยถูกจัดสรรให้ (ที่ดินยังเป็นของรัฐ) และต่อให้เป็นพื้นที่ส่วนที่มีชาวบ้านครอบครองอยู่ การขายสิทธินิคมให้เอกชนอื่นโดยพลการก็ทำไม่ได้อยู่ดีตามมาตรา 27(6)
ถ้าอธิบายภาษาชาวบ้านง่าย ๆ คือ ตอนที่เข้าครอบครองที่ดินไม่สามารถเข้าครอบครองได้แบบถูกกฎหมายเพราะว่ายังถือว่าเป็นที่ของรัฐอยู่รัฐอนุญาตให้ชาวบ้านใช้ประโยชน์ได้แต่ห้ามทำการจำหน่ายจ่ายโอนยกเว้นจะมีโฉนดที่ดินออกมาแล้ว
อย่างไรก็ดี ทนายรณณรงค์ ยังแสดงความเห็นเสริม ถึงเรื่องดังกนับว่า “แปลกไม่ใช่น้อย” เพราะอยู่มา 100 วัน 1000 ปี ไม่เคยมีการตรวจสอบ พอจอห์นนี่มือปราบวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลก็ถูกตรวจสอบทันที ไม่แปลกที่จอห์นนี่จะบอกว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ
อย่างไรก็ตาม นักกฎหมายย้ำชัดว่า ต้องย้อนกลับไปที่มาที่ไปถูกต้องตามกฏหมายหรือไม่ ? ในการเลือกดำเนินคดีจะบอกว่าละเว้นหรือเลือกปฏิบัติก็คงต้องอยู่ที่หน่วยงานในพื้นที่ว่าบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกันหรือไม่ ? อาจจะมีบางรีสอร์ตช้า หรือบางรีสอร์ตไวมากๆ ก็เป็นไปได้
ศาลฎีกามีคำพิพากษาหลายคดีที่ยืนยันหลักการว่า ที่ดินในเขตนิคมสร้างตนเองยังคงเป็นที่ดินของรัฐจนกว่าจะมีการออกโฉนดหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ผู้ได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ (สมาชิกนิคม) มีเพียงสิทธิครอบครองตามกฎหมายเฉพาะเท่านั้น ยังมิใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์เด็ดขาด และ การจะโอนสิทธิครอบครองนี้ให้ผู้อื่นต้องเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด มิเช่นนั้นการโอนจะไม่มีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย ดังเช่นคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3917/2563
แนวคำพิพากษาข้างต้นชี้ให้เห็นว่า :
หากการโอนสิทธิในที่ดินนิคมไม่ได้เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย (เช่น ไม่ได้รับอนุญาตจากกรมฯ, โอนโดยใช้อำนาจมรดกทั่วไปหรือซื้อขายกันเอง) ศาลจะถือว่าผู้รับโอนมีสิทธิไม่ดีกว่าผู้โอน กล่าวคือ ได้สิทธิครอบครองมาเพียงเท่าที่ผู้โอนมีเท่านั้น และถ้าผู้โอนเองไม่มีสิทธิจะโอน (เพราะกฎหมายห้ามโอนหรือสิทธินั้นหมดไปแล้ว) ผู้รับโอนก็จะไม่ได้สิทธิใด ๆ ในทางกฎหมายเลย กลายเป็นผู้บุกรุกยึดถือที่ดินของรัฐโดยไม่มีสิทธิที่ชอบด้วยกฎหมายรองรับ
นอกจากนี้ยังมีคำพิพากษาฎีกาอื่น ๆ ที่สอดคล้องกัน เช่น ฎีกาที่ 226/2510 วินิจฉัยว่าหากมีกรณีพิพาทแย่งสิทธิเข้าทำประโยชน์ในที่ดินนิคม ผู้ชี้ขาดคือเจ้าหน้าที่นิคมและหลักฐานในนิคมนั้น ใครมีชื่อในทะเบียนและหลักฐานของนิคมก็เป็นพยานหลักฐานที่ศาลยึดถือว่าเป็นผู้มีสิทธิโดยชอบ เป็นต้น อีกตัวอย่างหนึ่งคือ ฎีกาที่ 5681/2538 ซึ่งวินิจฉัยเกี่ยวกับที่ดินที่มี น.ส.3 (หนังสือแสดงการทำประโยชน์) ที่มีเงื่อนไขห้ามโอน 10 ปีตามกฎหมายที่ดินว่า ผู้ได้รับที่ดินนั้นยังไม่มี “สิทธิครอบครอง” สมบูรณ์ในทางปกครอง จึงไม่อาจโอนสิทธิครอบครองให้ใครได้จนกว่าจะพ้นระยะห้ามโอน ยกเว้นเป็นการตกทอดทางมรดก แนวคิดนี้สอดคล้องกับกรณีนิคมสร้างตนเองซึ่งสมาชิกยังไม่มีกรรมสิทธิ์เด็ดขาดและห้ามโอนสิทธิโดยพลการเช่นกัน.
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- จอนนี่ มือปราบ สู้กลับ อธิบดีกรมพัฒนาฯ แจ้งความกลับ ปัดรีสอร์ตรุกที่นิคม
- ปิดตำนาน จอนนี่มือปราบลาออกตำรวจ ลงแบบสง่า โคตรภูมิใจ
- ทนายเกิดผล เผยเหตุสู้คดี “นายกอบต.รุกที่” โจทก์เก่าหักหลัง ตอนช่วยคดีล้มละลาย
ติดตาม The Thaiger บน Google News: