ข่าวการเมือง

ช่อ พรรณิการ์ ยัน นายกฯ รักษาการ ยุบสภาได้ ฝากถึง ชินวัตร ให้ยอมรับความจริง

ช่อ พรรณิการ์ ชี้ทางออกวิกฤตการเมืองหลังศาลสั่ง แพทองธาร หยุดหน้าที่คือ ยุบสภา ย้ำนักการเมืองอย่ากลัวประชาชน และวิจารณ์มาตรการชายแดนที่กระทบประชาชน พร้อมฝากถึงตระกูลชินวัตร ให้ยอมรับความจริง

(วันที่ 2 กรกฎาคม 2568) นางสาวพรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า ได้ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การเมืองที่กำลังวิกฤต ภายหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ที่รัฐสภา โดยได้แสดงทรรศนะอย่างชัดเจนว่า ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับประเทศในขณะนี้คือการ ยุบสภา เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนได้ตัดสินใจใหม่อีกครั้ง และชี้ว่าความผิดพลาดของผู้นำไม่ควรส่งผลกระทบให้ประชาชนต้องเป็นผู้รับกรรม

นางสาวพรรณิการ์ กล่าวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ แต่เป็นผลพวงที่คาดเดาได้จากการจัดตั้งรัฐบาลผสมข้ามขั้วของพรรคเพื่อไทย ซึ่งพรรคก้าวไกลในขณะนั้นได้เคยท้วงติงแล้วว่าจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาใหญ่ของประเทศได้ หากรัฐบาลยอมแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อปิดอำนาจองค์กรอิสระและ สว. ตั้งแต่วันแรกที่เข้าสู่อำนาจ วิกฤตการณ์ที่นายกรัฐมนตรีจากการเลือกตั้งถูกสอยโดยองค์กรอิสระเช่นนี้ก็อาจไม่เกิดขึ้น

ช่อ พรรณิการ์ วานิช
ภาพจาก: FB/ คณะก้าวหน้า – Progressive Movement

ต่อคำถามถึงทางออกของประเทศ นางสาวพรรณิการ์ ยืนยันว่า การยุบสภายังคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดเสมอ แม้กระทั่งนายกรัฐมนตรีจะถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่แล้วก็ตาม โดยอ้างอิงความเห็นของนักกฎหมายมหาชนหลายท่านที่ยืนยันตรงกันว่านายกฯ รักษาการยังมีอำนาจในการยุบสภาได้ และชี้ว่าการลาออกเพื่อเลือกนายกฯ ใหม่ภายใต้สมการการเมืองเดิมไม่ใช่ทางออกที่ดี พรรคภูมิใจไทยก็เห็นตรงกันว่ายุบสภาคือทางออกที่ดีที่สุดของประเทศ เป็นนักการเมืองอย่ากลัวประชาชน อย่ากลัวการเลือกตั้ง

นางสาวพรรณิการ์ ได้โต้แย้งข้อกังวลที่ว่า การยุบสภาจะทำให้ประเทศเสียเวลาไป 3-4 เดือน โดยชี้ว่าสถานการณ์ปัจจุบันที่นายกฯ ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่และต้องรอศาลฯ พิจารณาคดี ซึ่งอาจใช้เวลานานถึง 2 เดือน กว่าจะมีคำวินิจฉัย และหากต้องเลือกนายกฯ ใหม่ ก็ยังไม่แน่นอนว่าจะหาผู้ที่รวบรวมเสียงข้างมากได้เมื่อใด ซึ่งกระบวนการทั้งหมดอาจยาวนานและสร้างความไร้เสถียรภาพมากกว่าการยุบสภาเพื่อให้มีรัฐบาลใหม่ในเวลา 3-4 เดือนเสียอีก

ประเด็นการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา นางสาวพรรณิการ์ ได้วิพากษ์วิจารณ์ว่า มาตรการต่าง ๆ ที่นายกรัฐมนตรีประกาศออกมานั้นไม่เกิดขึ้นจริง เช่น การตัดไฟซึ่งความจริงแล้วกัมพูชาเป็นฝ่ายตัดเอง หรือน้ำมันที่ยังคงส่งเข้ากัมพูชาตามปกติ และการปิดด่านก็ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชน

“ความผิดพลาดของนายกฯ แต่พี่น้องเกษตรกร ชาวสวนผลไม้ภาคตะวันออกทั้งหมด รวมถึงประชาชนที่ค้าขายตามแนวชายแดน ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ นายกฯ ทำผิดพลาด แต่แทนที่จะรับผิดชอบด้วยการลาออกหรือยุบสภา กลับทำขึงขังแล้วประกาศมาตรการ บอกว่าตอบโต้ฮุน เซน แต่ผู้รับกรรมคือประชาชนคนไทย ดิฉันคิดว่าไม่ถูกต้อง”

นางสาวพรรณิการ์ กล่าวว่า สถานการณ์ความตึงเครียดทางทหารตามแนวชายแดนนั้นไม่มีอยู่จริงตามที่รองแม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยัน ดังนั้น การต่อสู้ในประเด็นเรื่องเขตแดนที่กัมพูชาจะนำเข้าสู่ศาลโลกนั้น ควรเป็นการต่อสู้ในเวทีระหว่างประเทศด้วยกระบวนการทางการทูต เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับฝ่ายไทย ไม่ใช่การใช้มาตรการปิดด่านที่สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน ซึ่งการต่อสู้ในเวทีโลกต้องใช้เวลาหลายปีอยู่แล้ว จึงไม่ต้องกังวลว่ารัฐบาลรักษาการจะจัดการไม่ได้

ช่วงท้าย นางสาวพรรณิการ์ กล่าวว่า การที่รัฐบาลไม่ยอมเลือกหนทางยุบสภา อาจเป็นเพราะเหตุผลเดียวตามที่นายจักรภพ เพ็ญแข เคยยอมรับ คือ กลัวการเลือกตั้ง และเรียกร้องให้ตระกูลชินวัตรยอมรับความจริงในเรื่องนี้ พร้อมยืนยันว่าการต่อสู้ทางความคิดเห็นในระบอบประชาธิปไตย ไม่ควรถูกตัดสินด้วยกลไกทางกฎหมายหรือ นิติสงคราม แต่ควรตัดสินด้วยอำนาจของประชาชนผ่านการเลือกตั้ง

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

0 0 โหวต
Article Rating
สมัครรับข้อมูล
แจ้งเตือนเกี่ยวกับ
0 Comments
เก่าแก่ที่สุด
ใหม่ล่าสุด ถูกโหวตมากที่สุด
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button
0
เราอยากทราบความคิดเห็นของคุณ โปรดแสดงความคิดเห็นx