เตือนภัย สาวจีนวัย 25 ตื่นมาปากเบี้ยว ตาปิดไม่สนิท เพียงแค่นอนเป่าพัดลม

สาวจีนวัย 25 ปี ตื่นมาปากเบี้ยว ตาปิดไม่สนิท แพทย์วินิจฉัยว่าเป็น โรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีก หลังนอนเป่าพัดลมตรงหน้า เผยพฤติกรรมสุดอันตรายที่หลายคนมองข้าม เสี่ยงเส้นประสาทใบหน้าเสียหายถาวร
ถือเป็นอุทาหรณ์เตือนภัยสำหรับคนที่ชอบนอนเปิดพัดลมหรือแอร์เป่าหน้าโดยตรง เมื่อสื่อต่างประเทศรายงาน เรื่องราวของหญิงสาวชาวจีนวัย 25 ปี ที่ต้องเผชิญกับฝันร้ายไม่คาดคิด หลังจากงีบหลับกลางวันไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง ตื่นมาอีกทีก็พบว่าปากของตัวเองเบี้ยวผิดรูป และตาข้างหนึ่งปิดไม่สนิท ซึ่งแพทย์ได้วินิจฉัยว่าเป็นอาการ โรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีก (Bell’s Palsy) โดยมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมที่หลายคนทำเป็นประจำจนมองข้ามไป
พัดลมไฟฟ้าคือเครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับทุกครอบครัวในวันที่อากาศร้อนจัด แต่เมื่อไม่นานมานี้ กรณีที่เกิดขึ้นในประเทศจีนได้สร้างความตระหนกไปทั่วโซเชียล และแสดงให้เห็นว่าการใช้พัดลมที่ดูเหมือนไม่มีพิษภัย อาจนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ร้ายแรงต่อสุขภาพ ถึงขั้นทำให้ใบหน้าเป็นอัมพาตได้

จากรายงานของ สำนักข่าวจีนแห่งหนึ่ง หญิงสาวแซ่ซือ (Shi) วัย 25 ปี ได้ประสบเหตุไม่คาดฝันหลังจากงีบหลับกลางวันในห้องที่เปิดพัดลม เธอเล่าว่าได้เปิดพัดลมในโหมดส่ายและใช้ลมเบา ๆ ระหว่างที่พักผ่อนกลางวันที่บ้าน หลังจากหลับสนิทไปราว 3-4 ชั่วโมง คุณซือก็ตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปากเบี้ยวไปข้างหนึ่ง และตาขวาไม่สามารถปิดให้สนิทได้
วันต่อมา อาการกลับแย่ลงกว่าเดิมเมื่อใบหน้าซีกหนึ่งของคุณซือผิดรูปอย่างเห็นได้ชัด การกินดื่ม และการพูดจาก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก เมื่อไปถึงโรงพยาบาล คุณซือจึงถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคอัมพาตใบหน้า

เมื่อพูดถึงขั้นตอนการรักษา คุณซือเล่าว่าเธอต้องใช้วิธีรักษาร่วมกันหลายอย่าง ทั้งการฝังเข็ม การประคบยา การทานยา และการทำกายภาพบำบัด อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรก การใช้ชีวิตประจำวันสำหรับคุณซือ กลายเป็นเรื่องท้าทายอย่างยิ่ง “ทั้งน้ำและอาหารจะไหลออกมาจากปากตลอดเวลา ใบหน้าครึ่งหนึ่งของฉันไม่สามารถควบคุมได้เลย”
นายแพทย์หวัง เสี่ยวเฟิง รองผู้อำนวยการแผนกประสาทวิทยาของโรงพยาบาลระดับสูงแห่งหนึ่ง ได้อธิบายถึงสาเหตุของอาการดังกล่าวว่า การสัมผัสกับกระแสลมเย็นโดยตรงจากพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศเป็นเวลานาน สามารถทำให้หลอดเลือดและเส้นประสาทบริเวณใบหน้าเกิดการหดตัวเฉียบพลัน นำไปสู่ภาวะขาดเลือดเฉพาะที่ อาการบวมน้ำ ซึ่งจะเข้าไปกดทับเส้นประสาทและทำให้เกิดภาวะใบหน้าอัมพาตในที่สุด
นายแพทย์หวัง กล่าวเสริมว่า อากาศเย็นไม่ใช่เป็นเพียงปัจจัยกระตุ้นทางกายภาพเท่านั้น แต่ยังทำให้ภูมิคุ้มกันเฉพาะที่อ่อนแอลง ซึ่งเป็นการสร้างสภาวะให้ไวรัสที่แฝงตัวอยู่ในร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไวรัสเริม (Herpes Virus) กลับมาทำงานอีกครั้งและทำให้เกิดการอักเสบที่เส้นประสาทใบหน้า
ไม่ใช่แค่คนหนุ่มสาวอย่างคุณซือเท่านั้น นายแพทย์อวี้ โจวเหว่ย หัวหน้าแผนกประสาทวิทยาอีกท่านหนึ่งชี้ว่า หญิงตั้งครรภ์ คือหนึ่งในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคนี้ โดยมีอัตราเสี่ยงสูงกว่าคนปกติถึง 3 เท่า ความเสี่ยงนี้จะสูงเป็นพิเศษในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์และสัปดาห์แรกหลังคลอด เนื่องจากระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงและระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอลง
ผู้เชี่ยวชาญได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า หากได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง และทันท่วงที ผู้ป่วยโรคอัมพาตใบหน้าชนิดไม่ทราบสาเหตุ (Idiopathic) ประมาณ 70% สามารถฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติได้อย่างสมบูรณ์ภายใน 3-6 เดือน
ที่มา: SOHA
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เหลือเชื่อ คุณลุงจีนวัย 64 แปรงสีฟันติดในลำไส้นาน 50 ปี กลืนไปตั้งแต่เด็ก
- เฉลยแล้ว ไวรัลเม็ดปริศนา ในกระติกน้ำ ที่แท้คืออะไร หลังทำคนแห่เลิกใช้
- ไวรัลโซเชียล ชาวเน็ต แห่แชร์ภาพ วัตถุโบราณ 2,000 ปี หน้าเหมือน ลาบูบู้
ติดตาม The Thaiger บน Google News: