การเงินเศรษฐกิจ

รมว.คลัง ผุดโปรเจกต์ใหม่ “รถเก่าแลกใหม่” หวังกระตุ้นยอดขายตลาดรถยนต์ในไทย

รมว.คลัง ผุดโปรเจกต์ใหม่ “รถเก่าแลกใหม่” หวังกระตุ้นยอดขาย ส.อ.ท. ถ้าทำได้จริง อาจช่วยฟื้นฟูยอดขายตลาดรถยนต์ในไทย คาด 50,000-100,000 คัน

ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ยังคงเปราะบางและหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง รัฐบาลภายใต้การนำของ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้สร้างความหวังครั้งใหม่ให้กับภาคอุตสาหกรรมยานยนต์และกลุ่มลูกหนี้ ด้วยการเตรียมผลักดันโครงการ “รถเก่าแลกรถใหม่” โดยมีเป้าหมายหลักในการกระตุ้นยอดขายรถกระบะ พร้อมทั้งช่วยแบ่งเบาภาระลูกหนี้สินเชื่อรถยนต์

นายพิชัย เผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมเดินหน้าหารือกับกลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (น็อนแบงก์) เกี่ยวกับโครงการ “รถเก่าแลกรถใหม่” ซึ่งจะอนุญาตให้นำรถกระบะเก่าที่มีอายุ 20-25 ปี เข้ามาแลกรถกระบะคันใหม่ได้ พร้อมรับเงื่อนไขทางภาษีที่ดึงดูดใจ และยังใช้กลไกการค้ำประกันสินเชื่อผ่านบริษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ

ด้าน นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้ออกมาแสดงความเห็นด้วยกับโครงการ “รถเก่าแลกรถใหม่” ระบุว่า โครง รถเก่าแลกรถใหม่ ที่ทางกระทรวงการคลัง จัดตั้งขึ้นมาจะช่วยกระตุ้นยอดขายรถยนต์ในประเทศให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ปัจจุบันมีรถยนต์เก่าอายุ 20 ปีขึ้นไปอยู่ในระบบประมาณ 2 ล้านคัน ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญในการผลักดันยอดขาย

นายสุรพงษ์ เสนอแนะเพิ่มเติมว่า รัฐบาลควรมีการหารือกับสถาบันการเงิน (ไฟแนนซ์) เพื่อให้มีการผ่อนคลายการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น มิฉะนั้นโครงการอาจไม่ประสบผลสำเร็จ พร้อมกันนี้ยังเสนอให้มีการจัดตั้งกองทุนราว 5,000 ล้านบาท เพื่อรองรับโครงการคล้ายกับที่เคยทำกับรถกระบะมาแล้ว ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงการขาดทุนของรถที่นำมาแลกไม่เกิน 50,000 บาทต่อคัน ทำให้ไฟแนนซ์กล้าที่จะปล่อยสินเชื่อมากขึ้น และอาจช่วยกระตุ้นยอดขายรถทั้งระบบได้ถึง 50,000-100,000 คัน นอกจากนี้ ยังเสนอให้พิจารณารถยนต์ที่มีอายุ 5-7 ปี ให้สามารถเข้าร่วมเงื่อนไขโครงการได้ด้วย

อย่างไรก็ตาม นายสุรพงษ์ยังกล่าวทิ้งท้ายถึงสถานการณ์การปิดชายแดนว่าไม่ส่งผลกระทบมากนักต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ เนื่องจากประเทศไทยส่งออกสินค้าทางเรือทุกประเภท และขณะนี้กำลังติดตามสถานการณ์ในตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด เพราะเป็นตลาดหลักของไทยที่มีสัดส่วนการส่งออกถึง 19% แม้จะมีบริษัทเพียงไม่กี่แห่งที่ใช้เส้นทางช่องแคบฮอร์มุซ

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

0 0 โหวต
Article Rating
สมัครรับข้อมูล
แจ้งเตือนเกี่ยวกับ
0 Comments
เก่าแก่ที่สุด
ใหม่ล่าสุด ถูกโหวตมากที่สุด
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

GIFT T.

Rewriter สาวจากรั้วสวนดุสิต เก็บเกี่ยวประสบการณ์งานข่าวมากว่า 5 ปี ชื่นชอบการส่งต่อเรื่องราวเกี่ยวกับ ไลฟ์สไตล์ หวย และข่าวบันเทิง พร้อมเปิดมุมมองใหม่ ๆ ให้นักอ่านได้เห็นประเด็นรอบด้านมากยิ่งขึ้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button
0
เราอยากทราบความคิดเห็นของคุณ โปรดแสดงความคิดเห็นx