ข่าวการเมือง

โฆษก พปชร. สับ ครม.แพทองธาร 2 “ไร้ฝีมือ-แบ่งโควตา” แฉ เบื้องหลังมีดีล

พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประะชารัฐ ซัดรัฐบาล “แพทองธาร 2” จัด ครม.ไร้ประสิทธิภาพ ชี้แลกเปลี่ยนผลประโยชน์ สังคมได้อะไร

(วันที่ 24 มิถุนายน 2568) พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวแสดงความเห็น ต่อการปรับคณะรัฐมนตรี “แพทองธาร 2” โดยแสดงความยินดีในเชิงประชดประชันว่า เป็นการจัดตั้งรัฐบาลที่สำเร็จลงได้ด้วยการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ พร้อมวิจารณ์ว่าการวางตัวรัฐมนตรีเป็นลักษณะผิดฝาผิดตัว ไม่ได้คำนึงถึงความรู้ความสามารถ แต่คิดเพียงการแบ่งโควตาตามจำนวน สส. และตั้งคำถามว่าการนำบุคคลที่ถูกมองว่าเป็นมาเฟีย หรือนักเลงมาเป็นรัฐมนตรี ประชาชนจะได้ประโยชน์อะไร

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า หากรัฐบาลมุ่งเน้นเพียงการรวบรวมเสียงสนับสนุน แล้วจัดสรรโควตาโดยไม่พิจารณาถึงความเหมาะสม ทั้งด้านความรู้ความสามารถ และความประพฤติของผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี การพัฒนาประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าย่อมเป็นไปได้ยาก และประชาชนคงไม่ได้อะไรนอกจากการเฝ้ามองนักการเมืองแบ่งปันผลประโยชน์ระหว่างกัน

โฆษก พปชร.
ภาพจาก: FB/ พรรคพลังประชารัฐ

สำหรับกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นกระทรวงสำคัญในการดูแลทุกข์สุขของประชาชน โฆษก พปชร. ตั้งข้อสังเกตว่าการที่รัฐบาลนำบุคคลที่สามารถควบคุมได้มาดูแลนั้น อาจเพื่อผลักดันวาระบางอย่าง เช่น กาสิโนเสรี การแก้ไขปัญหาที่ดินอัลไพน์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับตระกูลชินวัตร หรือเพื่อปกป้องธุรกิจสีเทาในเครือข่ายของรัฐบาล โดยเฉพาะปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่รัฐบาลยังไม่สามารถแก้ไขได้ ซึ่งแตกต่างจากการที่กองทัพภาคที่ 2 ดำเนินการปิดด่านจนสามารถตัดท่อน้ำเลี้ยงของกลุ่มธุรกิจผิดกฎหมายในปอยเปตได้

ส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ที่กำลังเผชิญทั้งวิกฤตด้านการบริหาร และวิกฤตศรัทธาจากบุคลากรภายใน พล.ต.ท.ปิยะ ได้อ้างอิงข้อมูลจากกรมควบคุมโรค ที่ระบุว่า สัปดาห์ที่ผ่านมามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่สูงที่สุดในปีนี้กว่า 93,000 คน และมียอดผู้เสียชีวิตสะสมแล้ว 69 ราย ซึ่งสะท้อนถึงประสิทธิภาพในการดูแลประชาชนที่อ่อนด้อย และตั้งคำถามว่าเหตุใดจึงไม่หาบุคคลที่ได้รับการยอมรับจากบุคลากรทางการแพทย์เข้ามาบริหาร

ขณะที่กระทรวงการคลัง ก็กำลังเผชิญกับความท้าทายด้านเสถียรภาพทางการเงิน โดยอ้างอิงข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ชี้ให้เห็นถึงปัจจัยเสี่ยงจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เปราะบาง และการฟื้นตัวที่ล่าช้าของบางภาคธุรกิจ พร้อมทั้งกล่าวว่า GDP ของไทยในยุครัฐบาลนี้เติบโตต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน และปัญหาหนี้ครัวเรือนยังคงน่าเป็นห่วง

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวสรุปว่า ภาพลักษณ์ของรัฐบาลในขณะนี้ติดลบในทุกมิติ ทั้งความรู้ความสามารถ ผลงาน และความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะข้อครหาเรื่องการขายชาติ การจัดตั้งคณะรัฐมนตรีในลักษณะนี้ยิ่งตอกย้ำภาพการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ และชี้ให้เห็นว่าสถานการณ์ปัจจุบันนั้นรุนแรงถึงขั้นที่วุฒิสมาชิกและภาคประชาชนต้องรวมตัวกันเพื่อขับไล่นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

0 0 โหวต
Article Rating
สมัครรับข้อมูล
แจ้งเตือนเกี่ยวกับ
0 Comments
เก่าแก่ที่สุด
ใหม่ล่าสุด ถูกโหวตมากที่สุด
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button
0
เราอยากทราบความคิดเห็นของคุณ โปรดแสดงความคิดเห็นx