
เปิดข้อมูลลับ ทรัพย์สินตระกูล ฮุนเซน ร่ำรวย มูลค่าแสนล้าน แม้รายได้ทางการแค่เดือนละ 4 หมื่นบาท ซื้อคฤหาสน์หรูในอังกฤษ ลงทุนซื้อพาสปอร์ตไซปรัส ได้สัญชาติเป็นพลเมืองยุโรป พร้อมหนีลี้ภัยหากเกิดถูกล้มอำนาจ
อ้างอิงจาก THe diplomat รายงานเมื่อปี 2559 องค์กร Global Witness เผยข้อมูลเขย่ารัฐบาลกัมพูชา พบว่าตระกูลของอดีตนายกรัฐมนตรี “ฮุนเซน” มีทรัพย์สินและเครือข่ายธุรกิจซ่อนอยู่ทั่วประเทศ รวมความมั่งคั่งที่อาจสูงถึง 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 140,000 ล้านบาท
รายงานชื่อ Hostile Takeover ระบุว่า ตระกูลฮุนมีชื่อหรือถือหุ้นอยู่ในบริษัทเอกชนในกัมพูชาถึง 114 แห่ง รวมมูลค่าจดทะเบียนกว่า 200 ล้านดอลลาร์ นักวิเคราะห์เชื่อว่านี่อาจเป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น เพราะยังไม่รวมทรัพย์สินประเภทที่ดิน ซึ่งเป็นทรัพย์สินขนาดใหญ่ของตระกูลนี้
แพทริค อัลลีย์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Global Witness ระบุว่า มีการประเมินกันว่า ทรัพย์สินจริงของตระกูลฮุนอาจอยู่ระหว่าง 500 ล้าน ถึง 4 พันล้านดอลลาร์ แต่ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ
รายงานยังระบุด้วยว่า สมาชิกในครอบครัวของฮุนเซนมีพฤติกรรมใช้ชื่อปลอม ตั้งบริษัทบังหน้าเพื่อปกปิดผลประโยชน์ทางธุรกิจ พร้อมกับพัวพันกับคดีร้ายแรงในอดีต อาทิ การลักลอบขนเฮโรอีนมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ การยิงต่อสู้ และคดีชนคนเสียชีวิตแล้วหลบหนี
ทั้งนี้ ฮุนเซนเคยประกาศว่าเงินเดือนของเขาอยู่ที่เพียง 1,150 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน หรือ 4 หมื่นบาท แม้จะดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศนานถึง 30 ปี ท่ามกลางความยากจนของประชาชนส่วนใหญ่
Global Witness ระบุว่า ความมั่งคั่งของตระกูลฮุนยังเชื่อมโยงกับการสืบทอดอำนาจ มีญาติพี่น้องดำรงตำแหน่งในรัฐบาล กองทัพ สื่อ และองค์กรการกุศล ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการค้ำจุนพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP)
รายงานยังชี้ว่า บริษัทที่เกี่ยวข้องกับตระกูลฮุนถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรง เช่น ยึดที่ดิน ไล่ชาวบ้านโดยใช้ความรุนแรง เผาบ้านเรือนแม้กระทั่งใช้ “งูเห่า” ข่มขู่ให้อพยพออกจากพื้นที่ บางคดีได้ถูกส่งให้ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) แล้ว
แม้จะมีหลักฐานมากมาย แต่รายงานย้ำว่า ไม่มีสมาชิกตระกูลฮุนคนใดเคยถูกดำเนินคดีทางกฎหมายเลย ขณะที่กัมพูชายังคงเป็นประเทศที่เปิดกว้างต่อการลงทุน แต่ขาดกลไกตรวจสอบอย่างเข้มงวด

ขณะที่รายงานจากรอยเตอร์ ปี 2562 เขียนรายงานเรื่อง แฉเครือข่ายฮุน เซน ขนเงินลุยยุโรป! ญาตินายกฯ กัมพูชาถือพาสปอร์ตอียู ซื้ออสังหาฯ หรูกลางลอนดอน ระบุว่า สมาชิกครอบครัวและพันธมิตรทางการเมืองของเขากลับซุกทรัพย์สินในยุโรปหลายสิบล้านดอลลาร์ และบางรายถึงขั้นซื้อสัญชาติประเทศในสหภาพยุโรป (EU) เพื่อใช้เป็นเส้นทางหนีหากสถานการณ์การเมืองในกัมพูชาพลิกขั้ว
ญาติฮุนเซน แห่ซื้อพาสปอร์ตไซปรัส
รายงานระบุว่า “ฮุน กิมเลง” หลานสาวของฮุน เซน ซื้ออพาร์ตเมนต์หรูใกล้พระราชวังเคนซิงตัน กลางกรุงลอนดอน มูลค่ากว่า 2.5 ล้านดอลลาร์ (ราว 87 ล้านบาท) ถือกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมหรูในสิงคโป ในปี 2559 เธอยื่นขอและได้รับสัญชาติไซปรัส ทำให้กลายเป็นพลเมืองของสหภาพยุโรป สามารถเดินทาง ทำงาน อาศัยในประเทศสมาชิก EU ได้อย่างอิสระ
นอกจากนี้ เอกสารลับจากกระทรวงมหาดไทยของไซปรัสที่รอยเตอร์เข้าถึง ยังเผยว่า รัฐบาลไซปรัสได้แนะนำให้อนุมัติสัญชาติให้สามีของฮุน กิมเลง “เน็ธ สะเวือน” ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกัมพูชา และลูกสาวสองคน แม้ลูกคนหนึ่งเพิ่งใช้เงินกว่า 5.5 ล้านปอนด์ (ราว 250 ล้านบาท) ซื้ออพาร์ตเมนต์หรู 2 ชั้นในลอนดอนก็ตาม
ในกลุ่มที่ยื่นขอสัญชาติไซปรัส ยังมีนักการเมือง นักธุรกิจระดับแนวหน้า เช่น “เอา พอลมอนิโรธ” รัฐมนตรีคลังของกัมพูชาและที่ปรึกษาใกล้ชิดของฮุน เซน พร้อมภริยา “อิม เปาลิกา” ซึ่งลงทุน 2 ล้านยูโรในโรงแรมเรดิสัน บลู เมืองลาร์นากา เพื่อให้เข้าเกณฑ์
คู่สามีภรรยาผู้ทรงอิทธิพลอย่าง “เจือง โสพีป” และ “เล่า หมิงกัน” เจ้าของกลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ Pheapimex ที่เคยมีประวัติถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการตัดไม้ผิดกฎหมายและการขับไล่ประชาชน ก็อยู่ในรายชื่อผู้ขอสัญชาติ พร้อมลูกอีกหลายคน
แม้ฮุน เซน จะเคยบอกประชาชนว่าเขาไม่มีพาสปอร์ตต่างประเทศ ขอเลือกอยู่กินหญ้ากับคนกัมพูชา แต่ญาติหลายคนกลับโพสต์ภาพการใช้ชีวิตหรูหราในยุโรปลงโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็นการล่องเรือที่คาปรี พักวิลล่าที่มิโคนอส หรือทานคาเวียร์ในลอนดอน
ฮุน พันหะบอธ บุตรชายของญาติอีกคน ยังเคยโพสต์ภาพซื้อรถเบนซ์ให้แฟนสาว พร้อมระบุว่า “คนส่วนใหญ่ยินดีด้วย ไม่มีอะไรเสียหาย”
นักวิเคราะห์การเมืองในพนมเปญมองว่า การที่ผู้นำกัมพูชาและครอบครัวขอสัญชาติที่ 2 นั้น สะท้อนความเปราะบางภายในพรรครัฐบาล แม้ฮุน เซนจะปราบฝ่ายตรงข้าม ครองอำนาจเบ็ดเสร็จในประเทศ แต่ก็มีความวิตกอย่างเงียบ ๆ ว่า หากวันหนึ่งอำนาจสะดุด การมีพาสปอร์ตต่างประเทศและทรัพย์สินในยุโรปจะเป็นทางออก
เจ้าหน้าที่รัฐบาลไซปรัสปฏิเสธตอบคำถามว่า เหตุใดจึงให้พาสปอร์ตแก่ผู้ที่ถูกสหรัฐฯ แบน เช่น เน็ธ สะเวือน แต่ยืนยันว่ากระบวนการตรวจสอบมีอยู่ แม้นักวิจารณ์จะชี้ว่าอ่อนแอและควรเปิดเผยมากกว่านี้
ขณะที่ประชาชนกัมพูชายังคงมีรายได้เฉลี่ยเพียงวันละ 150 บาท แต่ครอบครัวผู้นำกลับใช้ชีวิตสุดหรูในต่างประเทศ ทำให้คำกล่าวของฮุน เซน ที่ว่า “เลือกกินหญ้ากับประชาชน” ยิ่งดูย้อนแย้งในสายตาสังคมโลก

ฮุนเซน ส่งต่ออำนาจให้ลูกชาย ฮุน มาเนต นั่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่กัมพูชา หลังปกครองมายาวนานเกือบ 40 ปี
ปี 2566 ฮุน เซน หลังครองอำนาจมายาวนานถึง 38 ปี สละตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้บุตรชายคนโต ฮุน มาเนต ภายหลังพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) ชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 23 กรกฎาคม ซึ่งถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าเป็นเพียงละครทางการเมือง เพราะพรรคฝ่ายค้านหลักถูกสั่งห้ามลงสมัคร
ฮุน มาเนต วัย 45 ปี คือลูกชายคนโตจากทั้งหมด 5 คนของฮุน เซน เกิดเติบโตในครอบครัวผู้นำที่ร่ำรวยที่สุดครอบครัวหนึ่งของกัมพูชา สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากโรงเรียนทหารชื่อดัง West Point สหรัฐอเมริกา ปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยบริสตอล ประเทศอังกฤษ สาขาเศรษฐศาสตร์
หลังกลับกัมพูชา ฮุน มาเนต ไต่เต้าทางทหารอย่างรวดเร็วจากหน่วยอารักขาบิดา ขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บัญชาการต่อต้านก่อการร้าย ผู้บัญชาการทหารบก และรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้รับยศพลเอก 4 ดาวในเวลาไม่นาน
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าภาพลักษณ์ของฮุน มาเนต ยังคลุมเครือ ประชาชนยังไม่รู้ชัดว่าเขามีแนวทางการเมืองอย่างไร และยังคงอยู่ใต้เงาของบิดา
ฮุน เซน อดีตผู้บัญชาการเขมรแดงหลบหนีไปเวียดนาม แล้วกลับมากับกองทัพปลดปล่อย เข้าครองอำนาจหลังโค่นล้มเขมรแดงในยุค 1980 ตลอด 4 ทศวรรษที่ผ่านมา ฮุน เซน ปกครองกัมพูชาด้วยกำปั้นเหล็ก ถูกวิจารณ์จากองค์กรสิทธิมนุษยชนว่ากดขี่ฝ่ายค้าน สื่ออิสระ และประชาชน

ขณะลูกชาย ฮุน มาเนต เติบโตท่ามกลางความมั่งคั่ง อภิสิทธิ์ชน ได้รับการศึกษาระดับโลก เป็นตัวแทนของชนชั้นนำรุ่นใหม่ที่ยังไม่ได้พิสูจน์ตัวในเวทีประชาธิปไตย
แม้ฮุน มาเนต จะขึ้นรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่หลายฝ่ายเชื่อว่าอำนาจที่แท้จริงยังอยู่กับฮุน เซน ที่จะยังคงนั่งในคณะรัฐมนตรีและควบคุมการตัดสินใจเบื้องหลัง
ซอพอล เอียร์ นักวิชาการและอดีตเพื่อนของฮุน มาเนต ที่ปัจจุบันลี้ภัยอยู่ในสหรัฐฯ เชื่อว่าผู้นำรุ่นลูกไม่น่าจะเปลี่ยนแนวทางจากรุ่นพ่อได้มากนัก เช่นเดียวกับเกาหลีเหนือหรือซีเรีย
ขณะที่องค์กรสิทธิมนุษยชนอย่าง Human Rights Watch เตือนว่าฮุน มาเนต อาจไม่เพียงเดินตามรอยพ่อ แต่ยังอาจเพิ่มบทบาททางทหารในการจัดการกับความเห็นต่าง นักวิเคราะห์ชี้ว่า แม้จะมีใบหน้าใหม่ แต่เป้าหมายของรัฐบาลกัมพูชาจะยังคงเดิม คือ รักษาอำนาจของ CPP และสกัดกั้นฝ่ายค้านทุกทาง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เปิดเงินเดือน ฮุน มาเนต นายกฯ กัมพูชา บุตรชายสมเด็จฮุนเซ็น ดีกรีจบ ดร.อังกฤษ
- “ช่อ” ซัด “ฮุนเซน” ไร้มารยาทการทูต-แนะ “นายกอิ๊งค์” ต้องยุบสภาทันที
- อัด ‘ฮุนเซน’ ไร้มารยาทการทูต แฉเจรจาลับผู้นำ ไม่มีประเทศไหนเขาทำกัน
ติดตาม The Thaiger บน Google News: