
รายงานผลการแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก เพื่อเฟ้นหา 48 ชาติสุดท้าย เข้าไปเล่นรอบสุดท้าย ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการจัดร่วมกันถึง 3 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา แคนาดา และเม็กซิโก ระหว่างวันที่ 11 มิถุนายน – 19 กรกฎาคม ค.ศ. 2026
นับตั้งแต่ฟุตบอลโลกครั้งแรกในปี 1930 นี่คือครั้งแรกที่ FIFA เพิ่มจำนวนทีมจาก 32 เป็น 48 ทีม หมายความว่า ทีมจากแต่ละทวีปจะมีโอกาสผ่านเข้ารอบสุดท้ายมากขึ้น
โควตาทวีป (รอบสุดท้าย 48 ทีม)
- ยุโรป (UEFA): 16 ทีม
- แอฟริกา (CAF): 9 ทีม (อาจเพิ่มเป็น 10 ผ่านเพลย์ออฟ)
- เอเชีย (AFC): 8 ทีม
- อเมริกาใต้ (CONMEBOL): 6 ทีม
- อเมริกาเหนือ/กลางและแคริบเบียน (CONCACAF): 6 ทีม (รวมเจ้าภาพ 3 ประเทศ)
- โอเชียเนีย (OFC): 1 ทีม
- เพลย์ออฟข้ามทวีป: 2 ทีม (จาก 6 ชาติที่เข้าร่วมเพลย์ออฟ)
อัปเดตล่าสุด ณ วันที่ 6 มิถุนายน 2568 ได้ 10 ชาติเบื้องต้นที่การันตึคว้าตั๋วเข้ารอบสุดท้ายแล้ว ดังนี้

ฟุตบอลโลกโซนเอเชีย
-อิหร่าน
-ญี่ปุ่น
-จอร์แดน
-เกาหลีใต้
-อุซเบกิสถาน


ฟุตบอลโลกโซนคอนคาเคฟ
-แคนาดา (เจ้าภาพร่วม)
-เม็กซิโก (เจ้าภาพร่วม)
-สหรัฐอเมริกา (เจ้าภาพร่วม)
โซนอเมริกาใต้
-อาร์เจนตินา
ฟุตบอลโลกโซนโอเชียเนีย
-นิวซีแลนด์

การแข่งขันรอบสุดท้ายของฟุตบอลโลก 2026 จะมีทั้งหมด 104 นัด โดยใช้ระบบใหม่ แบ่งออกเป็น 12 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม อันดับ 1 และ 2 ของแต่ละกลุ่ม + อันดับ 3 ที่ดีที่สุดอีก 8 ทีม จะผ่านเข้าสู่รอบ 32 ทีมสุดท้าย
ตั้งแต่รอบ 32 ทีมจนถึงรอบชิงฯ ใช้ระบบแพ้คัดออก (knock-out) เพื่อให้มีการแข่งขันที่เข้มข้นตั้งแต่รอบแรก และเพิ่มความหลากหลายของคู่แข่งขันทั่วโลก
สิ่งที่แฟนบอลควรจับตา มีแมตช์ให้ชมมากขึ้น เพิ่มจากเดิม 64 นัดเป็น 104 นัด คาดว่าระยะเวลาการแข่งขันจะยืดเยื้อขึ้นราว 5-6 สัปดาห์
โควตาที่เพิ่มขึ้นเปิดโอกาสให้ชาติหน้าใหม่ในเวทีบอลโลกได้สัมผัสบรรยากาศฟุตบอลโลก เช่น ทีมจากเอเชียกลางหรือแอฟริกาตะวันออก
เทคโนโลยีใหม่ คาดว่าจะมีการพัฒนา VAR, Goal-line Technology และระบบการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ยิ่งขึ้น
ติดตาม The Thaiger บน Google News: