ครม.สั่งเบรก! ห้ามจนท.รัฐ ชาร์จรถอีวีฟรี แยกให้ชัด ป้องกันทุจริต

นายอนุกูลรองโฆษกรัฐบาลเผย ครม.รับทราบแนวทาง ป.ป.ช. สกัดเจ้าหน้าที่เสียบปลั๊กส่วนตัว ห้ามเจ้าหน้าที่รัฐนำรถยนต์ไฟฟ้าส่วนตัวชาร์จฟรีที่หน่วยงาน หวั่นขัดประโยชน์
เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 68 คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติสำคัญ โดย นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาแถลงข่าวใหญ่ ถึงแนวทางที่รัฐบาลรับทราบเพื่อ หยุดการใช้เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของหลวงโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าส่วนตัวของเจ้าพนักงานรัฐ มติครั้งนี้มีเป้าหมายชัดเจนเพื่อป้องกันการแอบหาประโยชน์ส่วนตัว และการขัดกันซึ่งหน้า ระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ของหลวง
เรื่องนี้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นหัวหอกชงเรื่อง โดยเสนอให้ ครม. กำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางการคุมเข้มเรื่องนี้ให้ชัดเจน เพื่อให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ รวมถึงหน่วยงานของรัฐทุกแห่งต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ไม่ให้เกิดการแอบนำรถยนต์ไฟฟ้าส่วนตัวมาเสียบปลั๊กชาร์จไฟในที่ทำงานแบบเนียน ๆ อีกต่อไป

หลักเกณฑ์ใหม่ที่ออกมาคุมเข้ม มีอะไรบ้างที่ต้องจับตา
1. ถ้าหน่วยงานไหนใจดีอยากให้เป็นสวัสดิการ ต้องออกระเบียบหรือแนวปฏิบัติให้ชัดเจน และต้องติดตั้งสถานีหรือเครื่องชาร์จสำหรับสวัสดิการ แยกต่างหาก จากจุดชาร์จสำหรับรถราชการเท่านั้น
2. ต้องมีมาตรการควบคุม กำกับดูแล และบทลงโทษที่ชัดเจน สำหรับกรณีที่เจ้าพนักงานรัฐคนไหนฝ่าฝืนแอบเอารถยนต์ไฟฟ้าส่วนตัวมาเสียบชาร์จโดยไม่ได้รับอนุญาต
3. ทุกจุดชาร์จของรัฐต้องติดป้ายประกาศให้เห็นกันชัด ๆ ว่าจุดนั้นจัดไว้เพื่อประโยชน์ของทางราชการเท่านั้น ห้ามมั่ว
นายอนุกูล ยังกล่าวเสริมอีกว่า การดำเนินการเรื่องนี้อาจจะทำตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ พ.ศ. 2547 หรือตามระเบียบสวัสดิการภายในของแต่ละหน่วยงานรัฐเอง และมีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการ กำหนดให้เจ้าหน้าที่ต้อง จ่ายสตางค์ ค่าบริการตามอัตราที่กำหนด เพื่อไม่ให้เป็นภาระค่าใช้จ่ายของหน่วยงานรัฐ และจะต้องมีการประกาศให้บุคลากรในหน่วยงานรัฐทุกคนได้รับทราบและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
ท้ายที่สุด ที่ประชุม ครม. ได้โยนงานใหญ่ให้ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (สำนักงาน ก.พ.) เป็นหน่วยงานหลักในการไปพิจารณาเรื่องนี้ให้รอบคอบ โดย ก.พ. จะต้องไปทำงานร่วมกับองค์กรกลางบริหารบุคคลต่าง ๆ, กระทรวงการคลัง, กระทรวงพลังงาน, สำนักงบประมาณ, สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา, สำนักงาน ก.พ.ร., สำนักงาน ป.ป.ท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อหาข้อสรุปที่เป็นประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติ ขีดเส้นตายให้ ก.พ. สรุปผลการพิจารณาทั้งหมดภายใน 30 วัน นับจากวันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำกลับมาเสนอให้ ครม. พิจารณาอีกครั้ง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ทัวร์ลงหัวหน้าฝ่ายค้านญี่ปุ่น เรียกข้าวในคลังสำรองรัฐบาลว่าเป็น “อาหารสัตว์”
- รัฐบาลไทย แถลงการณ์ ชายแดนกัมพูชา สงบเรียบร้อย เตรียมจับเข่าคุยหาทางออก
- ย้อนประวัติ อดีตพระพรหมเมธี จากเถระชั้นผู้ใหญ่ สู่ผู้ต้องหาหนีหมายจับ
อ้างอิง : เว็บไซต์รัฐบาลไทย ROYAL THAI GOVERMENT
ติดตาม The Thaiger บน Google News: