ศูนย์สอบธรรมศาสตร์ แฉขบวนการโกงสอบราชการ เครื่องมือสุดล้ำ ร้องกฎหมายลงโทษจริงจัง

ศูนย์สอบธรรมศาสตร์ เปิดข้อมูลขบวนการโกงสอบราชการ เรียกร้องกฎหมายลงโทษจริงจัง
ศูนย์สอบมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้เปิดเผยข้อมูลปัญหาการทุจริตในการสอบเข้ารับราชการผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อเป็นอุทาหรณ์ กระตุ้นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดสอบเพิ่มความระมัดระวัง เนื่องจากเกรงว่าปัญหาการโกงสอบอาจแพร่หลายไปถึงระดับโรงเรียนและมหาวิทยาลัยแล้ว แต่ไม่ปรากฏเป็นข่าวเพราะอาจตามไม่ทันเทคโนโลยีที่กลุ่มทุจริตใช้
ศูนย์สอบธรรมศาสตร์ยอมรับว่าตนเองอาจไม่ใช่ศูนย์สอบที่ดีที่สุดหรือมีประสบการณ์จัดสอบมากที่สุด แต่ยืนยันว่าเป็น “ศูนย์สอบที่จับทุจริตได้มากที่สุด” โดยมีฐานข้อมูลรายชื่อบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตหลายร้อยรายชื่อ เพื่อใช้ในการตรวจสอบและเฝ้าระวัง
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการกับผู้ทุจริตยังคงเผชิญกับช่องโหว่ทางกฎหมายและกระบวนการทางราชการ ทำให้ผู้กระทำผิดบางส่วนยังคงหลุดรอดไปได้ ศูนย์สอบฯ จึงคาดหวังให้พรรคการเมืองหรือผู้แทนราษฎรผลักดันกฎหมายเพื่อลงโทษผู้ทุจริตการสอบเข้ารับราชการอย่างเป็นรูปธรรม
โพสต์ดังกล่าวระบุว่า อาชีพราชการยังคงเป็นที่นิยมสูง ในกลุ่มผู้ที่ต้องการความมั่นคงในชีวิต ทำให้การแข่งขันในการสอบคัดเลือกสูงขึ้น จึงเกิดช่องทางให้เกิดกลุ่มอิทธิพลหรือขบวนการแสวงหาผลประโยชน์จากการโกงสอบ โดยแบ่งผู้กระทำการทุจริตออกเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ
โจรภายใน บุคคลที่แฝงตัวอยู่ในคณะผู้บริหารหรือกรรมการที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสอบ เช่น การออกข้อสอบ การตรวจข้อสอบ หรือการสัมภาษณ์
โจรภายนอก กลุ่มบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกับหน่วยงาน แต่ใช้วิธีการต่างๆ เพื่อช่วยให้ผู้สมัครสอบผ่าน ซึ่งสามารถตรวจจับได้หากหน่วยงานมีมาตรการป้องกันที่ดีและไม่ประมาท
ศูนย์สอบฯ ได้อธิบายถึงกระบวนการจัดสอบมาตรฐานประกอบด้วยหลายขั้นตอน ตั้งแต่การกำหนดแผนงาน การตั้งคณะกรรมการออกข้อสอบ คัดเลือกข้อสอบ จัดพิมพ์ข้อสอบ คุมสอบ และตรวจข้อสอบ ซึ่งในแต่ละขั้นตอนจะมีมาตรการป้องกัน เช่น การเก็บตัวกรรมการ หรือการตรวจข้อสอบทันทีหลังสอบเสร็จสิ้น
สำหรับวิธีการโกงสอบของ “โจรภายนอก” มีการพัฒนารูปแบบอย่างต่อเนื่อง วิธีการคือ จะมีนายหน้าติดต่อครอบครัวหรือผู้สมัครโดยตรง พ่อแม่มักเป็นผู้จ่ายเงิน ค่าใช้จ่ายอาจอยู่ระหว่าง 300,000 ถึง 800,000 บาท ขึ้นอยู่กับหน่วยงานและความนิยม
ตำแหน่งเป้าหมาย มักเป็นตำแหน่งที่รับผู้จบการศึกษาได้ทุกวุฒิ เช่น นักจัดการงานทั่วไป นักทรัพยากรบุคค
วิวัฒนาการของอุปกรณ์
อดีต ใช้วิธี “พ่อไก่แม่ไก่” ให้คนเก่งส่งคำตอบให้ลอก ซึ่งปัจจุบันใช้ไม่ได้ผลแล้วเนื่องจากข้อสอบมีหลายชุดและการจัดที่นั่งแบบกระจาย
5 ปีที่ผ่านมา พัฒนาจากเครื่องส่งสัญญาณแบบสั่น มาเป็นอุปกรณ์ติดซิมโทรศัพท์ขนาดเล็กกว่ากล่องไม้ขีดไฟ และล่าสุดเป็นอุปกรณ์ที่ซ่อนในบัตรคล้ายบัตรเครดิตหรือเอทีเอ็ม อุปกรณ์เหล่านี้อาจต้องต่อสายเพื่อรับสัญญาณ และใช้หูฟังขนาดเล็กเท่าเม็ดถั่วดำฝังในหู
กระบวนการโกง
กลุ่มขบวนการจะส่งคนเก่ง (มือปืน) หลายคนเข้าสอบเพื่อรวบรวมข้อสอบและส่งคำตอบให้ทีมงานภายนอก ซึ่งมักเช่าที่พักใกล้สนามสอบ
ทีมงานภายนอกรวบรวมคำตอบเพื่อทำเป็นเฉลย และส่งสัญญาณคำตอบกลับไปยังผู้เข้าสอบในช่วงท้ายของการสอบ (ประมาณ 45 นาทีสุดท้าย)
ผู้เข้าสอบจะซ่อนอุปกรณ์รับสัญญาณไว้ในที่ลับตา เช่น เป้ากางเกง หรือใต้เสื้อผ้าบริเวณหน้าอก เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับจากเครื่องสแกนโลหะ
ศูนย์สอบธรรมศาสตร์เปิดเผยว่า แม้การตรวจจับอุปกรณ์อาจไม่สามารถทำได้ทั้งหมด แต่ทางศูนย์ฯ ใช้วิธีการตรวจสอบจากผลเฉลยประกอบ เนื่องจากโพยเฉลยมักไม่ถูกต้อง 100% โดยยกตัวอย่างว่า หากโพยมีข้อที่ตอบผิดเหมือนกันหลายข้อ โอกาสที่ผู้สอบหลายคนจะตอบผิดเหมือนกันทุกข้อนั้นต่ำมากทางสถิติ (เช่น ตอบผิดเหมือนกัน 18 ข้อ มีโอกาสเพียง 1 ใน 68,179 ล้าน) ซึ่งเป็นหนึ่งในหลักฐานที่ใช้ประกอบการพิจารณา
สำหรับผู้ที่มีหลักฐานชัดเจนจะถูกดำเนินคดี
ส่วนกลุ่มที่ไม่มีหลักฐานอุปกรณ์แต่ถูกตรวจพบความผิดปกติผ่านการวิเคราะห์ด้วย AI ทางศูนย์สอบธรรมศาสตร์จะไม่ออกผลสอบให้ และพร้อมต่อสู้ทางคดีเนื่องจากมีหลักฐานอื่นประกอบ โดยอุปกรณ์ทุจริตที่ยึดได้และคดีสิ้นสุดแล้ว มักจะถูกนำไปทำลาย
ศูนย์สอบฯ ทิ้งท้ายว่าเรื่องราวที่นำมาเปิดเผยนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่ง หวังว่าจะได้รับความร่วมมือในการผลักดันให้มีกฎหมายที่สามารถเอาผิดผู้ทุจริตการสอบได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อความเป็นธรรมแก่ผู้เข้าสอบส่วนใหญ่ที่ตั้งใจจริง
ติดตาม The Thaiger บน Google News: