สุดเศร้า เน็ตไอดอลสาวดับ มะเร็งกระเพาะคร่าชีวิต รักษา 1 ปีไม่ดีขึ้น ชี้สัญญาณเตือน

‘เฉียนเฉียน’ เน็ตไอดอลสาว วัย 25 ปี สิ้นใจด้วยมะเร็งกระเพาะอาหาร หลังเข้ารักษานาน 1 ปี แพทย์ไต้หวันชี้ 4 สัญญาณเตือนระยะแรกต้องรู้
เว็บไซต์ต่างประเทศ รายงานข่าวเศร้าของ ‘เฉียนเฉียน’ เน็ตไอดอลสาวชาวจีนวัย 25 ปี เสียชีวิตลงแล้วด้วยโรคมะเร็งกระเพาะอาหารระยะสุดท้าย เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา หลังจากที่เธอตรวจพบและเข้ารับการรักษามาเป็นเวลากว่า 1 ปี เรื่องราวของเธอทำให้สังคมตื่นตัวต่อภัยของโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร ด้านแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงและสัญญาณเตือนภัยที่ไม่ควรมองข้าม
ตามรายงานของสื่อจีน เฉียนเฉียนได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น มะเร็งกระเพาะอาหารชนิด Low-grade Gastric Adenocarcinoma ระยะสุดท้าย เมื่อเดือนมีนาคม 2567 และได้เข้ารับการผ่าตัดกระเพาะอาหารออกทั้งหมดในทันที แต่หลังจากการผ่าตัดเพียงหนึ่งเดือน มะเร็งได้กลับมาลุกลามอีกครั้งอย่างรวดเร็ว โดยเซลล์มะเร็งได้แพร่กระจายไปยังเยื่อบุช่องท้อง ทำให้อาการของเธอทรุดลง
เน็ตไอดอลสาวเคยเปิดใจว่า ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเธอมักจะไม่รับประทานอาหารเช้า มักจะงดมื้ออาหารหลักเพื่อลดน้ำหนัก ประกอบกับการใช้ชีวิตที่ไม่เป็นเวลา พักผ่อนน้อย และชื่นชอบการรับประทานอาหารรสจัดจ้านเผ็ดร้อน ทำให้หลายคนอดคิดไม่ได้ว่าปัจจัยเหล่านี้อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคร้ายของเธอ

นายแพทย์จางอันตี๋ (Dr. Zhang Andi) แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลเฉิงชิง สาขาจงกัง ไต้หวัน ให้ข้อมูลผ่านเว็บไซต์ของโรงพยาบาลว่า มะเร็งกระเพาะอาหารเป็นหนึ่งในมะเร็งที่พบบ่อย แต่ปัญหาก็คืออาการในระยะเริ่มแรกมักจะคล้ายคลึงกับโรคกระเพาะอาหารทั่วไป ทำให้ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักละเลยจนพลาดโอกาสในการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
คุณหมอจางอันตี๋ได้เน้นย้ำถึง 4 สัญญาณเตือนภัยเบื้องต้นของมะเร็งกระเพาะอาหารที่ควรสังเกต ได้แก่
- เรอบ่อยผิดปกติ
- ท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นท้อง
- อาหารไม่ย่อยเป็นประจำ
- เบื่ออาหาร ไม่อยากรับประทานอาหาร
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากอาการเหล่านี้ยังคงอยู่ แม้จะไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกินหรือการใช้ชีวิตก็ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโดยละเอียดทันที
6 ปัจจัยเสี่ยงสูง ก่อเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร
นายแพทย์จางอันตี๋ยังได้เผยถึง 6 ปัจจัยเสี่ยงหลักที่เกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร ดังนี้
1. การติดเชื้อแบคทีเรียเอชไพโลไร (Helicobacter pylori) ประมาณ 90% ของผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะอาหารเคยติดเชื้อนี้ อาจทำให้เกิดภาวะกระเพาะอาหารอักเสบ การเปลี่ยนแปลงของเยื่อบุกระเพาะอาหาร และกลายเป็นมะเร็งในที่สุด
2. ปัจจัยทางพันธุกรรม หากมีญาติสายตรง (พ่อแม่ พี่น้อง) ป่วยเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารจะมีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไป 2-3 เท่า
3. พฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสม การรับประทานอาหารหมักดอง, อาหารปิ้งย่างไหม้เกรียม หรืออาหารที่มีรสเค็มจัดเป็นประจำจะทำลายเยื่อบุกระเพาะอาหาร และเพิ่มโอกาสการกลายพันธุ์ของเซลล์
4. การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ สารเคมีในบุหรี่และฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะกระตุ้นกระเพาะอาหารอย่างรุนแรง ทำให้เกิดการอักเสบหรือแผลในกระเพาะอาหารได้ง่าย เพิ่มความเสี่ยงมะเร็ง
5. โรคกระเพาะอาหารเรื้อรัง ผู้ที่มีภาวะกระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรัง, แผลในกระเพาะอาหาร หรือเคยผ่าตัดกระเพาะอาหารมาก่อนจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเนื่องจากเกราะป้องกันของเยื่อบุกระเพาะอาหารลดลง
6. การใช้ยาบางชนิดเป็นเวลานาน การใช้ยาในกลุ่มต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) หรือยาต้านเกล็ดเลือด เช่น แอสไพริน เป็นระยะเวลานาน อาจส่งผลเสียต่อเยื่อบุกระเพาะอาหาร
อาการระยะสุดท้ายที่น่ากังวล
นายแพทย์จางอันตี๋อธิบายว่า อาการของมะเร็งกระเพาะอาหารในระยะลุกลาม อาจมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง (ดีซ่าน) หรือปวดหลังได้ หากเซลล์มะเร็งแพร่กระจายไปยังตับหรือตับอ่อน ส่วนอาการที่พบบ่อยคืออาเจียนและคลื่นไส้ เมื่อก้อนมะเร็งมีขนาดใหญ่ขึ้นจนไปกดทับกระเพาะอาหาร จะทำให้เกิดอาการเรอบ่อยและบรรเทาได้ยาก
อีกหนึ่งอาการเฉพาะของระยะสุดท้ายคือ “ภาวะกระเพาะหนาแข็ง” (Leather stomach) ผู้ป่วยจะเบื่ออาหารอย่างรุนแรง รับประทานอาหารได้ลำบาก และเนื้องอกจะส่งผลต่อการดูดซึมสารอาหาร ทำให้น้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็ว
ข้อมูลจาก : setn
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- คู่ผัวเมีย ป่วยมะเร็งกระเพาอาหารยกบ้าน หมอกุมขมับ กินอาหารดอง ‘ทุกมื้อ’
- ช็อก หนุ่ม 22 ป่วยมะเร็งกระเพาะอาหาร ระยะสุดท้าย จาก 3 เมนูโปรดของวัยรุ่น
- หนุ่มจีน เป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร ด้วยวัย 26 ปี เพราะนิสัยที่ทำเป็นประจำ
ติดตาม The Thaiger บน Google News: