อนุทิน ตอบ สรยุทธ์ พร้อมเป็น ‘นายกรัฐมนตรี’ ลั่น ต้องคุมเสียงอันดับ 1 ไม่เป็นเบี้ยล่างใคร หากเป็นนายกขัตตาทัพ ไม่เอา
วันนี้ 29 พฤษภาคม ในรายการ “สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว” นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย ได้เปิดใจถึงบทบาท อำนาจต่อรอง และมุมมองทางการเมืองของพรรค ช่วงของการจัดตั้งและร่วมรัฐบาล ในฐานะพรรคร่วมที่เสียงมากเป็นอันดับ 2 มี 51 เสียง ซึ่งเป็นเสียงที่รัฐบาลขาดไม่ได้ในขณะนั้น เพราะหากไม่มีพรรคภูมิใจไทย รัฐบาลจะมีปัญหาในการจัดตั้งรัฐบาลปี 2562 ทันที
พรรคภูมิใจไทยได้รับมอบหมายให้ดูแล 4 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
แม้ในอดีตพรรคภูมิใจไทยจะเคยคาดหวังว่าจะได้รับกระทรวงคมนาคมและกระทรวงมหาดไทย แต่ในรัฐบาลปัจจุบัน พรรคภูมิใจไทยไม่ได้อยู่ในกระทรวงเดิมที่เคยรับผิดชอบนานถึง 4 ปี อย่างกระทรวงคมนาคม สาธารณสุข หรือการท่องเที่ยว การตัดสินใจรับกระทรวงอื่นมาจาก “กติกา” ที่ต้องการให้มีการสลับสับเปลี่ยนกระทรวงบ้างเพื่อให้คนอื่นได้มีโอกาสทำงาน
นายอนุทินเชื่อมั่นว่ากระทรวงที่ได้รับใหม่ก็สามารถทำงาน ทำประโยชน์ให้กับประชาชนได้ ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล พรรคภูมิใจไทยไม่เคยปฏิเสธ การประสานงาน ขอให้เห็นชอบ หรือขอให้สนับสนุนโครงการต่างๆ ของกระทรวงอื่น หรือทำตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี พรรคภูมิใจไทย ทำงานรวดเร็ว เหมือนกับคำกล่าวที่ว่า “สั่งวันนี้ เสร็จตั้งแต่มะวาน” นายอนุทินอธิบายว่าเป็นคำเปรียบเทียบ หมายถึงการเตรียมพร้อม มองการณ์ไกล
บทบาทเจ้ากระทรวงมหาดไทย นายอนุทินเน้นการทำงานที่เกี่ยวข้องกับมวลชน ประชาชน ใช้กลไกที่มีในกระทรวงขับเคลื่อนนโยบายและงาน เขามองว่าการทำงานในมหาดไทยคู่กับแรงงาน และศึกษาคู่กับ อว. นั้นเข้ากันได้ ทำประโยชน์ได้
นายอนุทินกล่าวว่าเขา ชอบคนเก่ง ดูคนที่ผลงาน ฝีมือ การตอบสนอง มากกว่าอายุราชการ ยกตัวอย่างการแต่งตั้งปลัดกระทรวงมหาดไทยคนปัจจุบัน ซึ่งแม้มีอายุราชการเหลือเยอะ แต่มีฝีมือ ประสบการณ์พร้อมทำงานได้ทันที แตกต่างจากทฤษฎีที่ว่าคนเหลือเวลาน้อยจะทำอะไรได้ไม่มาก
กรณีคนบอกว่าพรรคภูมิใจไทย ถูกมองว่ามีอำนาจต่อรองสูง ทำให้พรรคแกนนำ (เพื่อไทย) ขยับได้ลำบาก แต่นายอนุทินปฏิเสธเรื่องนี้ กล่าวว่า “ไม่จริง” “ไม่เคยมีคำว่า โน จากภูมิใจไทย” ไม่มีใครกลัวพรรคภูมิใจไทย เรื่องอำนาจต่อรองเป็นสิ่งที่คนอื่นวิเคราะห์ไปต่างๆ นานา ตนมองว่าการได้กระทรวงตามฐานานุรูปเป็นไปตามโครงสร้างทางการเมือง การสนับสนุนนโยบายรัฐบาลหากไม่ขัดรัฐธรรมนูญหรือผิดกฎหมายนั้นเป็นเรื่องพื้นฐานที่ต้องทำ
เมื่อถูกถามถึงความเป็นไปได้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี หากเกิด “อุบัติเหตุทางการเมือง” กับนายกฯ คนปัจจุบัน นายอนุทินกล่าวว่า หากพรรคภูมิใจไทยขึ้นมาเป็นพรรคอันดับหนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาล ก็สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ แต่ตนไม่ต้องการเป็นนายกรัฐมนตรีในโครงสร้างรัฐบาลปัจจุบันที่พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคอันดับ 2 แต่ยอมรับว่าหากไม่มีตัวเลือกอื่นก็ต้องเป็น
การจะเป็นนายกรัฐมนตรีต้องมาด้วยความสง่างาม ทำงานได้ ไม่เป็น “เบี้ยล่าง” ใคร หากพรรคได้ตำแหน่งนายกฯ ตำแหน่งรัฐมนตรีของพรรคก็จะเล็กลงตาม “สูตรทางการเมือง” ที่มีอยู่
เกี่ยวกับร่างกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจร คาสิโน นายอนุทินชี้แจงว่า พรรคภูมิใจไทยต้องดูในรายละเอียดและฟังเสียงประชาชน ขณะนี้ร่างกฎหมายอยู่ในขั้นตอนรับหลักการ จะเข้าสู่การพิจารณาในชั้นกรรมาธิการ ตามพื้นฐานแล้ว หากเป็นนโยบายรัฐบาล ไม่ขัดรัฐธรรมนูญและไม่ผิดกฎหมาย พรรคภูมิใจไทยก็ต้องสนับสนุน
ส่วนกรณีที่ สส. บางคนในพรรค เช่น นายชัยชนก ได้แสดงความเห็นคัดค้านร่างกฎหมายนี้ในมุมมองส่วนตัว นายอนุทินยืนยันว่าเป็นการแสดงความเห็นในฐานะ สส. ซึ่งมี “เอกสิทธิ์” เป็นของตัวเอง ไม่ใช่จุดยืนของพรรคโดยตรง พรรคมีกระบวนการในการจัดการหากมีคนแหกมติพรรคเกิดขึ้น แม้จะมีข้อพิจารณาเรื่องเอกสิทธิ์ของ สส. ก็ตาม นายชัยชนกเองก็แสดงความรับผิดชอบโดยการลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรคหลังจากนั้น
ติดตาม The Thaiger บน Google News:
ข่าวล่าสุด
