เปิดคลิป หนุ่มจีนร่มร่อน ถูกกระแสลมดูดเข้าเมฆ ทำน้ำแข็งจับร่าง หวิดดับ

เปิดคลิป นักร่มร่อนชาวจีน ถูกกระแสลมดูดเข้าเมฆ ขณะบินเหนือเทือกเขา ทำร่างกายถูกน้ำแข็งจับในเสี้ยววินาที ขาดออกซิเจน โชคดีตั้งสติร่อนลงอย่างปลอดภัย
โซเชียลจีนฮือฮา หลังสื่อต่างประเทศ รายงานเหตุระทึกขวัญกรณี ซิกข์บราเทอร์ หรือ Sixth Brother (นามแฝง) หนุ่มนักเล่นกีฬาร่มร่อนชาวจีนท่านหนึ่ง ถูกกระแสลมแรงดูดเข้าไปในกลุ่มเมฆสูงถึง 8,598 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ขณะบินร่มอยู่ที่เทือกเขาฉีเหลียน ประเทศจีน จนร่างกายเริ่มจับเป็นน้ำแข็ง เนื่องจากอุณหภูมิข้างบนติดลบมากถึง 50 องศาเซลเซียส แถมยังขาดออกซิเจนอีกด้วย
ทว่าโชคยังดีที่พี่ซิกข์บราเทอร์สามารถประคองสติเอาไว้ได้ ควบคุมร่มร่อนจนสามารถลงจอดได้อย่างปลอดภัย ไม่บาดเจ็บตรงไหนมากนัก มีเพียงอากาศขาดออกซิเจนขณะที่อยู่บนน่านฟ้าและเกล็ดน้ำแข็งตามร่างกาย เช่น มือ ขา และคิ้วเท่านั้น พร้อมบอกว่าเคสนี้เป็นตัวอย่างไม่ควรทำตาม ขอให้เป็นบทเรียนของทุกคน

ขณะเดียวกัน มีแหล่งข่าวใกล้ชิดเผยว่า ตอนนี้พี่ซิกข์บราเทอร์กำลังพักฟื้นร่างกายจากเหตุการณ์ดังกล่าว ไม่พร้อมให้นักข่าวไปสัมภาษณ์ รวมถึงอยากให้ชาวเน็ตสนใจหรือขยายประเด็นนี้ อย่างไรก็ดี ในรายงานระบุว่าแม้เจ้าตัวใบอนุญาตร่อนร่มก็ตาม แต่วันเกิดเหตุ (24 พ.ค.) เขาไม่ได้แจ้งขออนุญาตล่วงหน้าและสถานที่ปล่อยร่มกับเขตการบินอย่างเป็นทางการ ทำให้หน่วยงานภาครัฐกำลังสอบสวนในประเด็นนี้
ทั้งนี้ ตามมาตรการการจัดการพาราไกลดิง ที่ออกโดยการกีฬาแห่งชาติจีน (General Administration of Sport of China) ซึ่งบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2543 กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า การบินพาราไกลดิงทุกครั้งจะต้องมีการแจ้งแผนการบินต่อหน่วยงานควบคุมการจราจรทางอากาศในพื้นที่ และต้องได้รับอนุญาตก่อนทำการบิน โดยต้องระบุรายละเอียดสำคัญ เช่น ช่วงเวลาการบิน พื้นที่ ระดับความสูง ผู้ทำการบิน และอุปกรณ์ที่ใช้
นอกจากนี้ ข้อบังคับยังเน้นย้ำถึงการตรวจสอบสภาพอากาศอย่างเข้มงวด และห้ามทำการบินในสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย เช่น มีเมฆมาก หมอกลงจัด หรือฝนตก รวมถึงห้ามทำการบินหรือเปลี่ยนแปลงแผนการบินโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยเด็ดขาด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- คุณยาย 102 ปี กระโดดร่ม ทุบสถิติอายุมากที่สุดใน UK
- นักบิน-ผู้โดยสาร 7 ชีวิต ระทึกกระโดดร่มหนีตาย ก่อนเครื่องบินตกในสหรัฐฯ
- เด็ก 4 ขวบ “กระโดดร่ม” จากชั้น 26 โชคดีรอดตาย เผยสาเหตุทำเอาอึ้ง
ติดตาม The Thaiger บน Google News: