ยิ่งลักษณ์ แถลงการณ์ ต้องชดใช้ ‘หนี้หมื่นล้าน’ จำนำข้าว ตัวเองไม่ได้ก่อ ลั่น ยุติธรรมแล้วหรือ หลังศาลปกครองสูงสุด วินิจฉัย มีความผิดฐานประมาทเลินเลิ่อ ปล่อยให้เกิดทุจริตระบายข้าวจีทูจี
จากกรณี ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่กระทรวงการคลังเป็นเงินกว่า 10,028 ล้านบาท หรือร้อยละ 50 ของมูลค่าความเสียหายจากการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) หลังศาลวินิจฉัย เห็นว่าบกพร่องในหน้าที่ ละเลยไม่ติดตามควบคุมโครงการ แม้จะมีการทักท้วงถึงความไม่ชอบมาพากล แต่ยังคงปล่อยให้ดำเนินต่อจนเกิดความเสียหายแก่รัฐ อันถือเป็นการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
ล่าสุด ยิ่งลักษณ์ ได้โพสต์ข้อความแถลงการณ์ ไม่เห็นด้วย ต่อคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ทั้งที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับกระบวนการดำเนินงาน และเคยมีคำตัดสินก่อนหน้านี้ว่าตนไม่ต้องรับผิด ยืนยันว่าโครงการรับจำนำข้าวมีเจตนาช่วยเหลือชาวนาอย่างจริงใจ เป็นนโยบายของรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา ไม่ใช่การกระทำส่วนตัว พร้อมชี้ว่าการตัดสินให้หัวหน้าฝ่ายบริหารรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวทั้งที่เป็นการดำเนินการร่วมหลายฝ่าย เป็นสิ่งที่ไม่เป็นธรรม ตั้งข้อสังเกตถึงความไม่โปร่งใสในการขายข้าวของรัฐบาลหลังรัฐประหาร พร้อมยืนยันจะต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมต่อไป
“เรียนพี่น้องประชาชนที่เคารพ
วันที่ 22 พฤษภาคมปีนี้ เป็นวันครบรอบ 11 ปี รัฐประหาร ซึ่งถือเป็นการยึดอำนาจอธิปไตยของประชาชนทั้งประเทศ และเป็นวันที่ศาลปกครองสูงสุด อ่านคำวินิจฉัยให้ดิฉันต้องชดใช้หนี้กว่า 10,000 ล้านบาท จากคดีระบายข้าว ทั้งที่ดิฉันไม่ได้เป็นจำเลยในคดีนี้ และศาลปกครองกลางได้เคยวินิจฉัยว่าดิฉันไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายในกรณีดังกล่าวมาแล้ว
จากคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุดในวันนี้ ทำให้ดิฉันต้องชดใช้หนี้ที่ตัวเองไม่ได้ก่อ ความเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารที่ต้องมารับภาระหนี้ที่เกิดจากการระบายข้าวของฝ่ายปฏิบัติ โดยที่ตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระบวนการเหล่านั้นแต่อย่างใด และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็พิพากษาในคดีของดิฉันว่า ปล่อยปละละเลยในการบริหารโครงการรับจำนำข้าวเท่านั้น
นโยบายรับจำนำข้าว เป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทย และเป็นนโยบายที่คณะรัฐมนตรีแถลงต่อรัฐสภา ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องปฏิบัติ มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศจากฐานราก ผ่านการจับจ่ายใช้สอยของครอบครัวชาวนา กว่า 20 ล้านคน มีเจตนาช่วยเหลือให้พี่น้องชาวนาได้ลืมตาอ้าปาก สามารถยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น
รัฐบาลของดิฉันมีความตั้งใจที่จะช่วยเหลือชาวนาที่อยู่อย่างยากจนแร้นแค้น ให้ขายผลผลิตได้ในราคาสูง มีกิน มีใช้ มีเงินเหลือส่งลูกหลานเรียนหนังสือจนจบ ซึ่งที่ผ่านมามีครอบครัวชาวนาได้ประโยชน์จากโครงการดังกล่าวเป็นจำนวนมาก แต่หากการดำเนินนโยบายแบบนี้ กลับถูกกล่าวหาว่าทำให้เกิดความเสียหาย ต่อไปใครจะกล้าคิดนโยบายเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่เข้าไม่ถึงโอกาสทางเศรษฐกิจได้อีก
ดิฉันไม่มีเจตนาจะทำให้โครงการเสียหาย การดำเนินโครงการแต่ละขั้นตอน เกี่ยวข้องกับหน่วยงานและบุคลากรหลายฝ่าย มีลำดับขั้นการบังคับบัญชาตามระบบราชการ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่หัวหน้าฝ่ายบริหารจะไปก้าวก่ายแทรกแซงในรายละเอียดได้ แต่ดิฉันกลับต้องรับผิดชอบกับความเสียหายเพียงลำพัง หากจะบอกว่าสิ่งนี้คือความเป็นธรรม ก็เป็นเรื่องยากเย็นอย่างยิ่งที่ดิฉันจะเข้าใจและยอมรับได้
หนี้ 10,000 ล้านบาท ชดใช้ทั้งชีวิต ยังไงก็ไม่มีวันหมดค่ะ การทุ่มเททำงาน แบกรับแรงเสียดทานทั้งทางการเมืองและอีกหลายรูปแบบ เพื่อค้ำยันราคาข้าวให้สูงและมีเสถียรภาพ เพื่อพี่น้องชาวนาได้มีชีวิตที่ดีกว่า พลิกผืนนาเป็นพื้นที่แห่งโอกาสของครอบครัว กลับมีบทสรุปที่เจ็บปวดที่สุดสำหรับดิฉัน
โครงการรับจำนำข้าวเป็นการกระทำทางการบริหารร่วมกันเป็นคณะกรรมการ การตัดสินให้ดิฉันในฐานะนายกรัฐมนตรี ต้องชดใช้ค่าเสียหาย ยังมีคำถามว่ามีอยู่จริงหรือไม่ เพราะหลังรัฐประหารก็มีข่าวว่ารัฐบาลเวลานั้นเอาข้าวดีไปขายเป็นข้าวเน่า
ข้าวที่เหลือในโกดัง 18.9 ล้านตัน ถูกขายในราคาต่ำกว่าที่ควรจะได้รับ คิดเป็นมูลค่าส่วนต่างนับ 100,000 ล้านบาท แต่ไม่ปรากฏความคืบหน้าของการตรวจสอบ และหาคนรับผิดชอบไม่ได้จนปัจจุบัน
ตลอดเวลา 11 ปี นับตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 สิ่งที่ดิฉันจำต้องพบเจอซ้ำแล้วซ้ำเล่าคือ ยึดอำนาจ ยัดคดี อายัดทรัพย์ และเอาเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องมาบังคับให้ใช้หนี้
ความรู้สึกแบบนี้ไม่เกิดขึ้นกับตัวเองก็คงไม่มีใครรู้ แต่ถึงกระนั้นดิฉันก็จะเรียกร้องต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมในชีวิต จนถึงที่สุดตามกฎหมายที่พึงกระทำได้
ถ้านายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง ยังไม่อาจเข้าถึงความยุติธรรมที่แท้จริง ก็ไม่มีหลักประกันใดๆ สำหรับประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยเช่นกันค่ะ”
ด้าน นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แถลงภายหลังศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาว่าคำพิพากษานี้แตกต่างจากศาลปกครองชั้นต้นที่เคยวินิจฉัยว่ายิ่งลักษณ์ไม่ต้องรับผิด เนื่องจากเป็นความรับผิดในขั้นตอนของฝ่ายปฏิบัติ ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีโดยตรง ทั้งยังมีคณะอนุกรรมการดูแล ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน
ทนายย้ำว่าข้าว 18.9 ล้านตันที่คงเหลือหลังรัฐประหารปี 2557 ได้ถูกขายไปในราคากิโลกรัมละ 25 บาท คิดเป็นรายได้รวมกว่า 2.5 แสนล้านบาท ซึ่งหากนำมาหักลบกับมูลค่าความเสียหาย อาจทำให้ยิ่งลักษณ์ไม่ต้องชดใช้หนี้เลย หลังจากนี้ทีมทนายเตรียมยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ภายใน 90 วัน ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง เนื่องจากข้อมูลการขายข้าวนี้ถือเป็นพยานหลักฐานใหม่ที่ยังไม่ได้รับพิจารณา
ทนายยังระบุว่า การขายข้าวล็อตสุดท้ายในรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ไม่ได้มีเจตนาช่วยเหลือยิ่งลักษณ์ แต่เป็นการดำเนินนโยบายตามปกติของรัฐต่อเนื่องจากรัฐบาลก่อน โดยตั้งข้อสังเกตว่าในอดีตรัฐบาลบางช่วงเคยขายข้าวดีในราคาต่ำเพราะตีเกรดเป็นข้าวเน่า ทั้งยังกล่าวถึงการอายัดทรัพย์ของยิ่งลักษณ์และสามีว่าศาลได้กันทรัพย์ส่วนใหญ่เป็นทรัพย์สินร่วมที่ได้มาหลังปี 2538
สุดท้าย นายนรวิชญ์ย้ำว่าคดีนี้เป็นคดีแพ่ง ไม่เกี่ยวข้องกับกระแสข่าวการเดินทางกลับประเทศไทยของยิ่งลักษณ์ พร้อมแสดงความตั้งใจสู้คดีเพื่อขอความเป็นธรรม โดยใส่เนคไทสีน้ำเงินที่มีลายเซ็นของยิ่งลักษณ์ ซึ่งเธอเคยมอบให้สมัยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความผูกพันและความมุ่งมั่นในการว่าความให้เต็มที่.
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- อ่านคำพิพากษาฉบับเต็ม “ยิ่งลักษณ์” ชดใช้จำนำข่้าว หมื่นล้าน เซ่นเลินเล่อจนเกิดทุจริตจีทูจี
- ด่วน! ศาลพิพากษาสั่ง “ยิ่งลักษณ์” ชดใช้จำนำข้าว 10,028 ล้านบาท
- เปิดสาเหตุ บุญทรง ได้พักโทษ ทั้งที่ถูกตัดสินจำคุก 48 ปีคดีจำนำข้าว
ติดตาม The Thaiger บน Google News:
ข่าวล่าสุด
