คดีพลิก! สาวอังกฤษวัย 18 ญาติร้อง หายตัวปริศนาที่ไทย พบตัวแล้ว ถูกจับขนกัญชา จ่อคุกตลอดชีวิต
พลิกตลบ! สาวอังกฤษวัย 18 ญาติร้องตามหา หายตัวปริศนาที่ไทย พบตัวแล้ว โดนรวบไกลถึงจอร์เจีย คดีขนยาเสพติด กัญชา 14 กิโลกรัม โทษสูงสุดคุกตลอดชีวิต
อัปเดตสุดช็อก กรณี สำนักข่าวอังกฤษรายงาน น.ส. เบลลา เมย์ คัลลีย์ (Bella May Culley) วัย 18 ปี นักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษ ซึ่งเพิ่งสำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยมิดเดิลสโบรห์ เตรียมทำอาชีพพยาบาล ครอบครัวประกาศตามหาตัวจ้าละหวั่น หลังแจ้งว่าหายตัวไปขณะมาเที่ยวพักผ่อนในประเทศไทย ตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา จนกลายเป็นข่าวครึกโครมระดับนานาชาติ ล่าสุดมีรายงานว่าเบลลาถูกจับกุมตัวอยู่ ห่างออกไปกว่า 4,000 ไมล์ (ประมาณ 6,400 กิโลเมตร) ในประเทศจอร์เจีย ด้วยข้อหาพัวพันยาเสพติดร้ายแรง
เดิมที น.ส. คัลลีย์ เดินทางมาพร้อมเพื่อน ถูกระบุว่าขาดการติดต่อกับครอบครัว โทรศัพท์มือถือปิดเครื่อง คาดว่าครั้งสุดท้ายเธออยู่ในพื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ทำให้เกิดปฏิบัติการค้นหาตัวครั้งใหญ่
แต่ล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมา ตำรวจคลีฟแลนด์ ในอังกฤษ ได้ออกมายืนยันข้อมูลที่น่าตกใจว่า ทางการจอร์เจียได้แจ้งการจับกุม น.ส. คัลลีย์ หญิงสาววัย 18 ปี จากเมืองบิลลิงแฮม เคาน์ตีเดอรัม ในข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติด ขณะนี้เธอยังคงถูกควบคุมตัวอยู่ที่นั่น
สื่อโทรทัศน์ในจอร์เจียได้เผยแพร่ภาพที่ปรากฏให้เห็น น.ส. คัลลีย์ ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวในสภาพสวมกุญแจมือ เดินเข้าไปยังกรมตำรวจอาชญากรรมกลาง ในกรุงทบิลิซี เมืองหลวงของจอร์เจีย รายงานข่าวระบุว่า น.ส. คัลลีย์ ถูกจับกุมขณะพยายามลักลอบขนกัญชาจำนวนมากถึง 14 กิโลกรัม เข้าประเทศ แต่เครื่องสแกนเนอร์ที่สนามบินนานาชาติทบิลิซีตรวจพบสิ่งผิดปกติในกระเป๋าเดินทางเสียก่อน
รายงานข่าวท้องถิ่นในจอร์เจียอ้างว่า จากการตรวจสอบกระเป๋าเดินทางของ น.ส. คัลลีย์ อย่างละเอียด เจ้าหน้าที่พบ “หีบห่อปิดผนึกอย่างดีบรรจุกัญชาจำนวน 34 ห่อ และห่อบรรจุแฮชชีสอีก 20 ห่อ”
น.ส. คัลลีย์ ถูกตั้งข้อหาซื้อและครอบครองยาเสพติดปริมาณมากเป็นพิเศษอย่างผิดกฎหมาย, ซื้อและครอบครองยาเสพติดประเภทกัญชาอย่างผิดกฎหมาย และลักลอบนำเข้ายาเสพติดดังกล่าวเข้าประเทศจอร์เจียอย่างผิดกฎหมาย
กระทรวงมหาดไทยของจอร์เจียระบุว่า “โทษสำหรับอาชญากรรมที่ก่อขึ้นนี้ อาจต้องรับโทษจำคุกสูงสุดถึง 20 ปี หรือโทษจำคุกตลอดชีวิต”
มีรายงานเพิ่มเติมว่า แม้ น.ส. คัลลีย์ จะยื่นขอประกันตัว แต่ผู้พิพากษาตัดสินใจสั่งจำคุก เนื่องจากเห็นว่ามีความเสี่ยงที่จะหลบหนี
ยังคงเป็นปริศนาว่า น.ส. คัลลีย์ เดินทางจากประเทศไทยไปถึงจอร์เจียได้อย่างไร มีขั้นตอนการเดินทางอย่างไรบ้างก่อนจะถูกจับกุม
ก่อนหน้านี้ ครอบครัวของ น.ส. คัลลีย์ เปิดเผยว่า เธอเดินทางไปประเทศฟิลิปปินส์ก่อนหลังเทศกาลอีสเตอร์ปีนี้ จากนั้นเดินทางต่อมายังประเทศไทยประมาณวันที่ 3 พฤษภาคม น.ส. คัลลีย์ ยังคงโพสต์ภาพลงโซเชียลมีเดียอย่างสม่ำเสมอ โพสต์ภาพครั้งสุดท้ายบนเฟซบุ๊กเมื่อวันจันทร์ที่ 5 พฤษภาคม
นาย นีล คัลลีย์ พ่อ พร้อมด้วย น.ส. เคอร์รี คัลลีย์ น้าสาว ได้รีบบินด่วนมายังประเทศไทยเพื่อติดตามหาเบาะแสของลูกสาว
นางลียานน์ เคยให้สัมภาษณ์กับ Teesside Live ก่อนทราบข่าวการจับกุมว่า “เบลลา บินไปฟิลิปปินส์หลังอีสเตอร์กับเพื่อน และอยู่ที่นั่น 3 สัปดาห์ เธอโพสต์รูปเยอะมาก จากนั้นก็ไปเมืองไทยประมาณวันที่ 3 พฤษภาคม ข้อความสุดท้ายที่เธอส่งมาหาฉันคือวันเสาร์ เวลา 17.30 น. บอกว่าจะเฟซไทม์มาคุยด้วยทีหลัง นั่นคือข้อความสุดท้ายที่เราได้รับเท่าที่ทราบตอนนี้ ฉันแค่รอพ่อของเธอที่ตอนนี้อยู่กรุงเทพฯ แจ้งข้อมูลเพิ่มเติม ฉันแค่อยากให้ลูกกลับบ้านอย่างปลอดภัย หรือได้ยินเสียงเล็กๆ ที่น่ารักของลูกก็ยังดี”
นางลียานน์ เปิดเผยว่า เธอมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเกี่ยวกับการเดินทางไปประเทศไทยของ น.ส. คัลลีย์ “ฉันไม่อยากให้ลูกไปเมืองไทยเลย ฉันขอร้องให้ลูกกลับบ้าน ฉันไม่ไว้ใจผู้ชายบางคนที่นั่น แต่ลูกสาวอยากไปเจอเพื่อนบางคนที่เคยรู้จักตอนไปเที่ยวครั้งก่อน ฉันไม่รู้จักใครเลยสักคน”
หลังจากนาย นีล พ่อของ น.ส. คัลลีย์ เดินทางถึงกรุงเทพฯ เขาได้ตรงไปยังสถานีตำรวจทันที ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แนะนำให้เขาติดต่อสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเพื่อตรวจสอบว่าลูกสาวของเขาพักอยู่ที่ใดเป็นที่สุดท้าย
นางลียานน์ กล่าวเสริมว่า “ตอนที่ลูกไม่ตอบข้อความ ฉันคิดว่าลูกอาจจะกำลังบินกลับมาเซอร์ไพรส์ฉัน แต่แล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น” ครอบครัวได้ติดต่อสอบถามไปยังสายการบินก่อนหน้านี้ ได้รับแจ้งว่า น.ส. คัลลีย์ ได้ทำเรื่องขอซื้อตั๋วเครื่องบินจริง แต่การชำระเงินไม่สำเร็จ “เราคิดว่าครั้งสุดท้ายลูกอยู่แถวพัทยา และน่าจะบินกลับจากกรุงเทพฯ ผ่านแฟรงก์เฟิร์ตตามกำหนดการเดินทาง แต่ฉันไม่เคยได้รับการติดต่อเรื่องให้ไปรับเลย”
ตามกฎหมายของประเทศจอร์เจีย ทีมข่าวไทยเกอร์ค้นข้อมูลเพิ่มเติมพบว่า ได้แบ่งแบ่งสารเสพติดออกเป็น 5 บัญชี, กำหนด “ปริมาณน้อย / มาก / พิเศษ” เพื่อใช้ชั่งน้ำหนักโทษ
สำหรับกัญชา ปี 2015 ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ครอบครองกัญชาน้อยกว่า 70 กรัม ไม่ควรถูกจำคุก แต่ยังเป็นโทษปรับ/บริการสังคม 30 ก.ค. 2018 ได้ปรับเสรีกัญชาเฉพาะการเสพ ศาลยกเลิกโทษปรับ‑โทษปรับทางปกครองทั้งหมดสำหรับการบริโภค
ทว่าการปลูก ขาย หรือ ครอบครองเกิน 70 กรัม ยังเป็นอาชญากรรม โทษสูงสุด จำคุก 20 ปี หรือตลอดชีวิต
ติดตาม The Thaiger บน Google News:
ข่าวล่าสุด
