คนใจสัตว์ ยิงช้างป่ากุยบุรี 3.5 ตัน สิ้นใจสลด ชันสูตรพบ 5 รอยกระสุนฝังใน

คนใจร้ายยิง ช้างป่ากุยบุรี 3.5 ตัน สิ้นใจสลด ชันสูตรพบ 5 รอยกระสุนฝังใน ทั้งงวง โคนงา ช่องท้อง และขาหลังด้านซ้าย
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช แจ้งข่าวเศร้า ช้างป่าเพศผู้ขนาดใหญ่ น้ำหนักกว่า 3.5 ตัน อายุประมาณ 50 ปี แห่งอุทยานแห่งชาติกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ล้มปแล้ว แม้ทีมสัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่ได้ทุ่มเทสุดความสามารถในการรักษาอาการบาดเจ็บสาหัสเป็นเวลา 3 วัน แต่ไม่อาจยื้อชีวิตไว้ได้
ที่น่าสะเทือนใจยิ่งกว่าคือ ผลการชันสูตรซากช้างเผยให้เห็นร่องรอยกระสุนปืนฝังในหลายจุด ชี้ชัดว่าช้างตัวนี้ถูกทำร้ายก่อนเสียชีวิต
เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2568 ชาวบ้านในพื้นที่บ้านน้ำโจน ตำบลอ่าวน้อย อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งอยู่นอกเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ได้พบเห็นช้างป่ามีอาการบาดเจ็บที่ขาหลังด้านซ้าย เดินอย่างยากลำบากอยู่บริเวณอ่างเก็บน้ำโจน จึงแจ้งเจ้าหน้าที่
นายอนุชาติ อาจหาญ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งเข้าตรวจสอบ โดยใช้โดรนบินสำรวจพบว่าเป็นช้างป่าสูงอายุ มีบาดแผลรุนแรง จึงประสานสัตวแพทย์อนุรักษ์ สกุลพงษ์ จากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี และทีมงาน เข้าพื้นที่เพื่อประเมินอาการและวางแผนการรักษาอย่างเร่งด่วน
ตลอดระยะเวลา 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 5 – 8 พฤษภาคม ทีมสัตวแพทย์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ได้ระดมสรรพกำลังในการช่วยเหลือช้างป่าเคราะห์ร้ายตัวนี้ มีการวางยาสลบเพื่อทำความสะอาดและรักษาบาดแผล ให้ยาฆ่าเชื้อ ยาบำรุง และสารน้ำต่างๆ อย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากบาดแผลมีความรุนแรงและซับซ้อนมาก ประกอบกับช้างมีอายุมาก ทำให้สุขภาพทรุดลงอย่างรวดเร็ว และสุดท้าย ช้างป่าตัวนี้ก็สิ้นใจลงเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 8 พฤษภาคม
ความจริงอันน่าตกใจ ผลผ่าชันสูตรซากช้างป่าตัวนี้ โดยทีมสัตวแพทย์พบร่องรอยบาดแผลที่สันนิษฐานว่าเกิดจากการถูกยิงด้วยกระสุนปืนถึง 5 จุด กระจายอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ทั้งบริเวณงวง โคนงา ช่องท้อง และขาหลังด้านซ้าย เมื่อใช้เครื่องสแกนโลหะก็พบสัญญาณโลหะภายในซากช้างจริง
โดยเฉพาะที่บาดแผลบริเวณขาหลังซ้ายซึ่งบวมเป่ง มีหนองขนาดใหญ่ถึง 40 เซนติเมตร ทำให้กระดูกข้อต่อหลุดออกจากกัน เนื้อเยื่อและเส้นเอ็นได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง นอกจากนี้ ยังพบหัวกระสุนและเศษโลหะรวม 5 ชิ้นฝังอยู่ในตัวช้าง โดยมีกระสุนขนาด .22 ปลอกหนึ่งพบอยู่ใกล้บริเวณโคนงา
ผลการตรวจอวัยวะภายในยังพบความผิดปกติที่ไต ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะการติดเชื้อที่รุนแรง ทีมสัตวแพทย์สันนิษฐานเบื้องต้นว่า สาเหตุหลักของการเสียชีวิตเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียอย่างรุนแรงจากบาดแผลที่ขาหลัง เนื่องจากบริเวณข้อต่อมีลักษณะรูพรุน ทำให้เชื้อโรคแทรกซึมเข้าสู่ไขกระดูกและลุกลามเข้าสู่กระแสเลือดได้อย่างรวดเร็ว ประกอบกับช้างมีอายุมากและระบบภูมิคุ้มกันเสื่อมถอย ทำให้ร่างกายไม่สามารถต่อสู้กับการติดเชื้อได้ไหว
หลังการชันสูตร ทีมเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการฝังกลบซากช้างในพื้นที่อย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคสู่สัตว์ป่าอื่นๆ พร้อมกันนี้ นายอนุชาติ อาจหาญ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีตำรวจภูธรอ่าวน้อยแล้ว เพื่อเร่งรัดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสืบสวนสอบสวน หาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปโดยเร็วที่สุด
ที่มา: กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เขาใหญ่ฯ สั่งปรับนักท่องเที่ยว 500 บาท ถ่ายรูปช้างใกล้ชิด ย้ำอันตราย
- อย่างกับในหนัง ช้างวิ่งเข้าหมู่บ้านคน
- สิ้นแล้ว “พลายงาเดียว” ช้างป่านครนายก หลังช่วยชีวิตจากบ่วงรัดเพียง 7 วัน
ติดตาม The Thaiger บน Google News: