อุทยานฯ หมู่เกาะสุรินทร์ แย้ง “ทราย สก๊อต” ปัดจ้างแรงงานเด็กมอแกน

เกรียงไกร เพาะเจริญ หัวหน้าอุทยานฯ หมู่เกาะสุรินทร์ ชี้แจง 5 ข้อเท็จจริง ปม “ทราย สก๊อต” แฉบริษัททัวร์หมู่เกาะฯ ใช้แรงงานเด็กชาวมอแกน
จากกรณีนายสิรณัฐ ภิรมย์ภักดี หรือ “ทราย สก๊อต” โพสต์เฟซบุ๊กแฉบริษัททัวร์หมู่เกาะสุรินทร์ อ้างว่าใช้แรงงานเด็กชาวมอแกนในพื้นที่อย่างหนัก พร้อมวิจารณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่และระบบบริหารจัดการภายในอุทยานฯ ว่าไม่ยอมดำเนินการช่วยเหลืออะไรในเรื่องนี้ ทั้งที่ทราบถึงที่มาของปัญหาดังกล่าวดี
ล่าสุด (4 พ.ค.) นายเกรียงไกร เพาะเจริญ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ชี้แจงข้อจริง 5 ประเด็นหลักที่ “ทราย สก๊อต” ระบุไว้ตามข้างต้น เนื่องจากโพสต์ดังกล่าวสร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชนหลายประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการดูแลชาวไทยมอแกนและการบริหารจัดการภายในอุทยานฯ ดังนี้
1. การตั้งถิ่นฐานและการดูแลชาวมอแกน: หัวหน้าอุทยานฯ ยืนยันว่า การย้ายชาวมอแกนจากวิถีชีวิตดั้งเดิมบนเรือกะบางมาตั้งถิ่นฐานถาวรที่อ่าวบอนใหญ่ เกาะสุรินทร์ใต้ ภายหลังเหตุการณ์สึนามิ เป็นไปเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน โดยมีหน่วยงานราชการหลายภาคส่วนเข้ามาดูแล ทั้งด้านการศึกษาผ่านศูนย์การเรียนรู้ กศน. ซึ่งมีครูประจำ 4 อัตรา และด้านสาธารณสุขผ่านศูนย์สาธารณสุขมูลฐานที่มีเจ้าหน้าที่ดูแลตลอดทั้งปี ไม่ใช่การทอดทิ้งแต่อย่างใด
2. ข้อกล่าวหาเรื่องการใช้แรงงานเด็ก: นายเกรียงไกรปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ โดยชี้แจงว่าอุทยานฯ มีการจ้างงานชาวมอแกนที่เป็นผู้ใหญ่เท่านั้น ด้วยค่าจ้างวันละ 200-250 บาท สำหรับการทำงานประมาณ 5 ชั่วโมงต่อวัน พร้อมอาหารเช้าและกลางวัน ซึ่งผู้ถูกจ้างสามารถนำอาหารกลับบ้านได้ด้วย ส่วนกรณีบริษัททัวร์มีการจ้างชาวมอแกนผู้ใหญ่ในอัตราเงินเดือน 8,000-12,000 บาท (ไม่รวมทิป) ภาพเด็กที่ปรากฏเป็นการติดตามผู้ปกครองมา ไม่ใช่การจ้างงานเด็ก อุทยานฯ ยังดูแลเรื่องอาหารเช้าและเที่ยงแก่เด็ก ๆ ที่ติดตามผู้ปกครองมาเหล่านี้ด้วย และทางบริษัททัวร์ก็ยืนยันเช่นกันว่าไม่มีนโยบายจ้างหรือใช้แรงงานเด็ก

3. ประเด็นการไม่ช่วยเหลือเคลื่อนย้ายผู้เสียชีวิต: หัวหน้าอุทยานฯ เปิดเผยว่า ได้มีการประสานงานกับนายตะวัน กล้าทะเล ซึ่งเป็นทั้งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านและญาติของผู้เสียชีวิตแล้ว โดยนายตะวันแจ้งว่าได้ดำเนินการเคลื่อนย้ายศพและจัดการเอกสารต่าง ๆ ด้วยตนเองโดยใช้เรือส่วนตัว และไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือจากทางอุทยานฯ เนื่องจากเห็นว่าสามารถจัดการได้เอง
4. ข้อกล่าวหาบังคับเด็กชายถอดเสื้อถ่ายรูป: นายเกรียงไกรกล่าวว่า จากการตรวจสอบกับบริษัททัวร์ที่เกี่ยวข้อง ไม่พบว่ามีการบังคับให้เด็กชายชาวมอแกนถอดเสื้อเพื่อถ่ายรูปกับนักท่องเที่ยวหญิงแต่อย่างใด การที่ผู้ชายชาวมอแกน ไม่ว่าจะเป็นคนขับเรือหรือผู้ดูแลนักท่องเที่ยว ถอดเสื้อหลังเสร็จสิ้นภารกิจทางน้ำ ถือเป็นวิถีปฏิบัติปกติ ไม่ได้มีเจตนาเพื่อการถ่ายรูปหรือถูกบังคับ
5. กรณีการมาของคุณทราย สก็อต: หัวหน้าอุทยานฯ ให้ข้อมูลว่า คุณทราย สก็อต และทีมงาน ได้แจ้งวัตถุประสงค์การเดินทางมาเมื่อวันที่ 6-9 กุมภาพันธ์ 2567 ว่าเพื่อสำรวจทรัพยากรใต้น้ำและเก็บขยะ อย่างไรก็ตาม มีการติดต่อเด็กชาวมอแกน 2 คนโดยตรง เพื่อชวนไปทำกิจกรรมเก็บขยะใต้ทะเลแบบ Freediving เพื่อสร้างคอนเทนต์ โดยไม่ได้แจ้งผ่านผู้ปกครองหรือทางอุทยานฯ ซึ่งเด็กทั้งสองไม่ได้รับค่าจ้างเป็นตัวเงิน แต่ได้รับสิ่งของตอบแทน (แว่นตา, กางเกง, เสื้อ คนละ 1 ชุด) และเมื่อถูกชวนอีกในวันถัดมา เด็ก ๆ ได้ปฏิเสธเนื่องจากความเหน็ดเหนื่อย

“ข้อมูลทั้งหมดที่ชี้แจงนี้เป็นข้อเท็จจริงที่สามารถตรวจสอบได้ อุทยานฯ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความโปร่งใสและคำนึงถึงหลักมนุษยธรรมเสมอมา การให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงอาจสร้างความเสียหายและก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในวงกว้าง ซึ่งผู้กระทำการอาจเข้าข่ายมีความผิดตามกฎหมายได้” นายเกรียงไกร กล่าวย้ำ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ทราย สก๊อต แฉบ.ทัวร์หมู่เกาะสุรินทร์ ใช้งานเด็กมอแกนหนัก รับอึดอัดมาก
- เคลียร์จบ! ทราย สก๊อต แจงปมว่ายน้ำ 30 กม. สยบดราม่า จับผิดระยะทาง
- ถึงบางอ้อ ทราย สก๊อต ทายาทสิงห์ กับ แฟนหนุ่ม มายด์ ลภัสลัล โปรไฟล์ไม่ธรรมดา
ติดตาม The Thaiger บน Google News: