ข่าว

เหยื่อ อส.คลั่ง เผยผ่านมา 4 เดือน ยังไม่ได้รับการเยียวยา เงียบหายไม่ติดต่อ

เหยื่อ อส.คลั่ง เผยผ่านมา 4 เดือน ยังไม่ได้รับการเยียวยาจากหน่วยงานใดหรือครอบครัว เงียบหายไม่ติดต่อ กลัวเรื่องเงียบ อส. มีลูกเป็นตำรวจ

จากกรณีที่ นายอัครพณธ์ อายุ 50 ปี เป็น อส.ในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ ได้ก่อเหตุยิงในร้านข้าวต้มแห่งหนึ่ง ริมถนนนวลแก้วอุทิศ เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ศพ และได้รับบาดเจ็บ 3 ราย โดยผู้เสียชีวิตนั้นเป็นพ่อแม่ที่พาลูกสาววัย 6 ขวบมาฉลองวันเกิด ขณะที่หนึ่งผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นเจ้าของร้านข้าวต้ม เมื่อช่วงเดือนธันวาคม 67 ตามที่มีรายงานไปก่อนหน้านี้นั้น

ล่าสุดสำนักข่าวหาดใหญ่โฟกัส ได้รายงานถึงกรณีดังกล่าวเพิ่มเติมว่า หนึ่งในผู้ได้รับบาดเจ็บ ตนยังไม่ได้รับการเยียวยาใดๆ จากหน่วยงานและครอบครัวของ อส. หลังตนถูกยิงที่แขน

นายสุริยา สุประดิษฐ์ ผู้ได้รับบาดเจ็บเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ยังเจ็บแผลจากการถูกยิงและทำกายภาพอยู่ เจ็บแปลบๆภายในแขนตอนนี้รู้สึกกังวลใจเรื่องการทำงานเพราะต้องใช้แขนขวาในการทำงาน ทำได้เพียงรับจ๊อบอ่านออเดอร์เท่านั้น ไม่ได้ลงมือในครัว ถือว่าที่ร้านยังใจบุญที่จ้างเราอยู่ ส่วนรายได้หายไปเยอะมาก จากรายได้วันละ 800 เหลือเพียงจ้าง 2 วัน 800 ญาติของผู้ก่อเหตุไม่เคยติดต่อมาช่วยเหลือ เยียวยาก็ไม่ได้สักบาท ส่วนตัวรู้สึกกังวลว่าแขนจะไม่สามารถกลับมาใช้งานได้ปกติ เราเองก็ได้ทำเรื่องไปทางกระทรวงยุติธรรม ตอนนี้ยังรอใบรับรองแพทย์และพาเข้าที่ประชุม

ต้องขอบคุณตำรวจที่ทำคดีนี้มีการโทรคุยอัพเดทให้ตลอด สุดท้ายอยากฝากถึงผู้มีอำนาจหัวหน้าเขา เหมือนลูกน้องคุณทำแบบนี้ คุณไม่ควรมาพูดว่าเขาเขียนใบลาออกไปแล้วความรับผิดชอบต้องมี ว่าลูกน้องคุณทำอะไรไว้ไม่ใช่หายไปหรือครอบครัวเขาหันมาดูแลเราบ้าง มันกระทบกับหลายชีวิต ด้านพี่ช้าง ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า ผมก็อยากให้หัวหน้าเขา ณ ตอนนั้นออกมารับผิดชอบ ไม่ใช่วันเกิดเหตุแล้วมาตัดปัญหา หรือลูกน้องของเขาไป เขาเคยดูแลครอบครัวที่ตายไปแล้ว ผมยังมีชีวิตอยู่ก็ขอให้กลับมาดูผมบ้าง.

แฟ้มภาพ อส.

ขณะที่ทาง น.ส.ออมใจ ทองประดับเพชร ภรรยาผู้ได้รับบาดเจ็บ กล่าวว่า วันนั้นที่เกิดเรื่องก็ได้นำส่งรพ.หาดใหญ่ เราก็ได้ดูแลเพราะตอนนั้นเข้าเวรดูแลผู้ป่วย รักษาตัวอยู่ 9 วัน จนออกมาเราก็ต้องพาเขาไปทำกายภาพ จากที่ว่าเขาทำงานได้ทุกวัน ก็เหลือเพียง 2 วันเท่านั้น เรื่องการลงครัวก็ยังทำมากไม่ได้ เพราะข้อมือจะบวม ส่วนในการรักษารอบแรกเอากระสุนออกไม่ได้ ผ่าตัดรอบที่ 2 ก็ยังเอาออกไม่ได้ หมอเลยเอากระดูกมี่หักและแตกเอาออกทั้งหมด ทุกวันนี้กระสุนก็ยังอยู่ในแขน ส่วนวันที่ 28 เมษายนนี้ 68 ศาลจะนัดครั้งแรก

เราก็กลัวเพราะได้ข่าวมาว่า อส. ที่ยิงลูกเป็นตำรวจ เกรงว่าข่าวจะเงียบ ตอนแรกข่าวที่ออกไปบอกว่ายิงเสร็จแล้วมอบตัว พอรุ่งเช้าได้มีการบอกว่าอส.คนนี้เขียนใบลาออกแล้ว เพราะว่าทางครอบครัวของอส.ไม่ได้มาเยียวยาตั้งแต่แรก ส่วนเจ้าของร้านเองก็ตาบอดยังรักษาตัวอยู่ มาถึงตอนนี้จะ 5 เดือนแล้ว เรื่องยังเงียบ เราก็ขาดรายได้ไป ภาระส่วนใหญ่ก็จะอยู่ที่เรา ส่วนวันไหนที่ต้องพาพี่ช้างไปรพ. ก็จะมีกระทบบ้างกับงานในช่วงแรกๆ ช่วงหลังก็แลกเวรเอา อยากให้หน่วยงานเข้ามาดูแลช่วยเหลือเราขาดรายได้ อนาคตก็ไม่รู้ว่าแขนจะกลับมาใช้งานได้ปกติไหม ญาติอส.เองควรเข้ามาดูแล ไม่ใช่ว่ามีเส้นสายตำรวจจะเงียบ หรือมอบตัวแล้วคดีจะจบมันไม่ใช่ ผลกระทบมันตกอยู่ที่หลายคน

ทั้งเด็กที่สูญเสียพ่อแม่ และเจ้าของร้านข้าวต้มที่ตาบอด เขาเองก็มีลูกเล็ก ทางญาติผู้ก่อเหตุไม่สนใจใยดี แม้กระทั่งเราด้วย ลูกก็ยังเล็กและเรียนอยู่ ห่วงสุดคือคดีจะไม่คืบหน้า ฝากขังมาเรื่อยๆ ส่วนหลังจากขึ้นศาลในวันที่ 28 เม.ย 68 เราก็กลัวว่าเรื่องจะเงียบ ศาลไม่ตัดสิน หรือให้เขาติดคุกไปเลย แล้วใครจะมารับผิดชอบ เพราะทางครอบครัวเขาก็ไม่ได้เข้ามาดูแลตั้งแต่แรก

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตาม Thaiger The บน Google News:

0 0 votes
Article Rating
Notify of
0 Comments
Oldest
Newest Most Voted
Inline Feedbacks
View all comments

Nateetorn S.

ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button
0
Would love your thoughts, please comment.x
()
x