การเลือกพระสันตะปาปาที่ยาวนานที่สุดในโลก ต้นกำเนิด กฎคอนเคลฟ

ย้อนตำนาน การเลือกโป๊บที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์โลก เมื่อพระสันตะปาปาต้องใช้เวลาเกือบ 3 ปีจึงได้องค์ใหม่ สมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 10
หลังการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2025 ด้วยพระชนมายุ 88 พรรษา คริสตจักรคาทอลิกทั่วโลกได้เข้าสู่ช่วงเวลา “เซเด วาคันเต” (sede vacante) หรือช่วงว่างของตำแหน่งพระสันตะปาปา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คณะพระคาร์ดินัลจะประชุมกันเพื่อเลือกผู้นำองค์ใหม่ของคริสตจักร .
แม้ในยุคปัจจุบัน การเลือกพระสันตะปาปามักใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน เช่น การเลือกสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสในปี 2013 ที่ใช้เวลาเพียง 2 วัน แต่ในประวัติศาสตร์ของคริสตจักรคาทอลิกนับพันปี เคยมีการเลือกพระสันตะปาปาที่ใช้เวลานานที่สุดถึงเกือบ 3 ปี
การเลือกพระสันตะปาปาที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์
หลังการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตะปาปาเคลเมนต์ที่ 4 ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1268 คณะพระคาร์ดินัลจำนวน 20 รูปได้ประชุมกันที่เมืองวิเธอร์โบ ประเทศอิตาลี เพื่อเลือกพระสันตะปาปาองค์ใหม่ ทว่าการประชุมครั้งนี้กลับยืดเยื้อเนื่องจากความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างกลุ่มพระคาร์ดินัลที่สนับสนุนฝรั่งเศส (กีวล์ฟ) กับกลุ่มที่สนับสนุนจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (กีเบลลีน)
การประชุมยืดเยื้อถึง 1,006 วัน หรือ 2 ปี 9 เดือน โดยไม่มีความคืบหน้าใดๆ ชาวเมืองวิเธอร์โบที่ทนไม่ไหวกับความล่าช้าจึงตัดสินใจล็อกประตูห้องประชุม ลดอาหารของพระคาร์ดินัลเหลือเพียงขนมปังกับน้ำ ถึงขั้นถอดหลังคาอาคารที่ประชุมเพื่อกระตุ้นให้การเลือกตั้งดำเนินไปอย่างรวดเร็ว
ในที่สุด เมื่อวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 1271 คณะพระคาร์ดินัลได้เลือกเตโอบัลโด วิสคอนติ ซึ่งขณะนั้นไม่ได้เป็นพระคาร์ดินัลและกำลังอยู่ระหว่างการเดินทางแสวงบุญในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ได้เป็นพระสันตะปาปาองค์ใหม่ โดยทรงรับพระนามว่า สมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 10

การปฏิรูปกระบวนการเลือกตั้งพระสันตะปาปา
ประสบการณ์จากการเลือกตั้งที่ยืดเยื้อครั้งนี้ทำให้สมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 10 ทรงออกสมณลิขิต “Ubi periculum” ในปี ค.ศ. 1274 ซึ่งกำหนดให้การเลือกตั้งพระสันตะปาปาต้องดำเนินการในสถานที่ปิด (conclave) หรือที่เรียกว่า กฎคอนเคลฟ
พระคาร์ดินัลจะถูกแยกออกจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง หากการเลือกตั้งยืดเยื้อ อาหารของพระคาร์ดินัลจะถูกลดลงเหลือเพียงขนมปังและน้ำ เพื่อกระตุ้นให้การตัดสินใจเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ขณะที่สมัยก่อนหน้าคาร์ดินัลสามารถประชุม เลื่อน เลิก พบปะกับขุนนาง หรือแม้แต่เดินทางกลับบ้านได้ตามสะดวก จึงยิ่งทำให้กระบวนการยืดเยื้อ โดยที่ไม่ส่งผลกระทบใดๆ
กฎคอนเคลฟ กลายเป็นต้นแบบของกระบวนการเลือกตั้งพระสันตะปาปาในยุคต่อมา และยังคงมีอิทธิพลต่อการเลือกตั้งพระสันตะปาปาจนถึงปัจจุบัน
เมื่อได้เลือกพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่ขึ้นมาแล้ว ว่าที่โป๊ป จะถูกถามว่า พร้อมจะรับตำแหน่งประมุขแห่งคริสตศาสนาหรือไม่ , ต้องการจะใช้พระนามอะไรในการดำรงตำแหน่ง หลังจากนั้น พระคาร์ดินัลอาวุโสก็จะเดินออกสู่ใจกลางมุขแห่งโบสถ์เซนต์ปีเตอร์ ประกาศต่อสาธารณชนบริเวณจัตุรัสเป็นภาษาละติน ว่า “ANNUNTIO VOBIS GAUDIUM MAGNUM. HABEMUS PAPAM” แปลเป็นไทยว่า ข้าพเจ้าขอประกาศต่อทุกคนถึงความน่ายินดีอันยิ่งใหญ่ว่า ชาวคริสต์มีพระสันตะปาปาแล้ว
ในช่วงเวลาที่คริสตจักรคาทอลิกกำลังเตรียมการเลือกตั้งพระสันตะปาปาองค์ใหม่หลังการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส การย้อนกลับไปศึกษาประวัติศาสตร์ของการเลือกตั้งพระสันตะปาปาที่ใช้เวลายาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ก็น่าสนใจ ทำให้คริตสนิกชนปัจจุบัน เข้าใจถึงที่มาที่ไปความจำเป็นในการปรับปรุงกฎระเบียบเพื่อให้การเลือกตั้งดำเนินไปอย่างราบรื่นมีประสิทธิภาพ.
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- วิธีเลือกพระสันตปาปาองค์ใหม่ ขั้นตอน พิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ คอนเคลฟ เผยกฎเหล็ก
- เปิดหนังสือลับวาติกัน ทำนายใกล้วันสิ้นโลก โยงขนลุก อาการประชวรโป๊บฟรานซิส
- คำสั่งสันติภาพสุดท้าย โป๊ปฟรานซิส เรียกร้องให้หยุดยิง-ปล่อยตัวประกัน ฉนวนกาซา