จีนยื่นฟ้องกรมการค้าโลก ปมนโยบายภาษีทรัมป์ หวั่นทำลายตลาดโลก

จีนยื่นฟ้องกรมการค้าโลก ซัดกลับนโยบาย ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ขึ้นภาษีสินค้า ด้าน 20 ชาติสมาชิก WTO รุมต้าน หวั่นกำแพงภาษีสหรัฐฯ ทำลายการค้าโลก
สถานการณ์ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสองมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่าง ‘สหรัฐอเมริกา’ และ ‘จีน’ กำลังทวีความรุนแรงขึ้น ล่าสุด จีนได้ยื่นเรื่องร้องเรียนครั้งใหม่ต่อองค์การการค้าโลก (WTO) ณ นครเจนีวา เมื่อวันพุธที่ 9 เมษายน 2568 เพื่อตอบโต้มาตรการกำแพงภาษีของสหรัฐฯ ที่เพิ่งมีผลบังคับใช้กับสินค้าจากจีนและอีกหลายสิบประเทศ
การยื่นฟ้องครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่จีนได้แจ้งต่อ WTO ก่อนหน้านี้ว่า การขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นนโยบายที่ริเริ่มในยุคประธานาธิบดี ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ และส่งผลกระทบหรืออาจมีการบังคับใช้เพิ่มเติม ซึ่งเป็นการกระทำที่ “บ้าระห่ำ” และกำลังคุกคามเสถียรภาพของการค้าโลกให้สั่นคลอนยิ่งขึ้นไปอีก
ในแถลงการณ์ล่าสุดที่ส่งถึงองค์การการค้าโลก จีนระบุว่า “สถานการณ์บานปลายเข้าขั้นอันตราย… จีนในฐานะสมาชิกที่ได้รับผลกระทบ ขอแสดงความกังวลอย่างยิ่งและคัดค้านอย่างหนักแน่นต่อการเคลื่อนไหวนี้”
มาตรการของสหรัฐฯ ที่เป็นชนวนเหตุ รวมถึงการเก็บภาษีศุลกากรสินค้าจากจีนในอัตราสูงถึง 104% โดยฝ่ายสหรัฐฯ อ้างความจำเป็นในการแก้ไขปัญหาการขาดดุลการค้าจำนวนมหาศาล ซึ่งจีนเป็นประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ มากที่สุด
อย่างไรก็ตาม จีนได้ตอบโต้ทันควันด้วยการปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เป็น 84% จากเดิม 34% ขณะที่สหภาพยุโรป (EU) ก็เตรียมใช้มาตรการตอบโต้ในลักษณะคล้ายกันในสัปดาห์หน้า ส่วนใหญ่เป็นการขึ้นภาษี 25%
จีนกล่าวหาว่า การกระทำของสหรัฐฯ เป็นการละเมิดกฎเกณฑ์ของ WTO และกำลังบ่อนทำลายระบบการค้าพหุภาคีที่ใช้กันทั่วโลก “กำแพงภาษีตอบโต้กัน ไม่ใช่ และจะไม่มีวันเป็น หนทางเยียวยาความไม่สมดุลทางการค้า แต่กลับจะส่งผลย้อนกลับมาทำร้ายสหรัฐฯ เอง” แถลงการณ์ของจีนระบุ
พร้อมยืนยันว่าแม้จีนจะคัดค้านสงครามการค้า แต่ก็จะปกป้องผลประโยชน์อันชอบธรรมของตนอย่างถึงที่สุด และได้เรียกร้องให้สำนักเลขาธิการ WTO ทำการศึกษาผลกระทบของกำแพงภาษีต่อการค้าโลกและรายงานต่อสมาชิก
การประชุมคณะมนตรีการค้าสินค้าของ WTO ที่เจนีวาในวันเดียวกัน มีสมาชิกถึง 20 ประเทศ รวมถึง สวิตเซอร์แลนด์, สหภาพยุโรป, และแคนาดา ได้หยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมา โดยชี้ว่าการกระทำของสหรัฐฯ ขัดต่อหลักการพื้นฐานของ WTO และอาจส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ ทั้งการเพิ่มต้นทุน, การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน, และสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจทั้งในประเทศพัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา
สถานการณ์ที่ตึงเครียดนี้ส่งผลสะเทือนถึงตลาดการเงินโลก โดยตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง หลังจากจีนประกาศมาตรการภาษีตอบโต้ อย่างไรก็ตาม นายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ มองว่าการตอบโต้ของจีนเป็นสิ่งที่จะทำให้จีนเองเสียประโยชน์
สำหรับกระบวนการใน WTO นั้น เจ้าหน้าที่ระบุว่าการยื่นเรื่องร้องเรียนครั้งใหม่ของจีนนี้ เป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากการยื่นขอหารือทวิภาคีกับสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 4 เมษายน ซึ่งหากการหารือไม่สามารถหาข้อตกลงได้ภายใน 60 วัน จีนก็มีสิทธิ์ที่จะยื่นคำร้องให้องค์กรระงับข้อพิพาทของ WTO ทำการตัดสินต่อไป อาจนำไปสู่การเผชิญหน้าทางกฎหมายการค้าที่ยืดเยื้อและซับซ้อนยิ่งขึ้น
ข้อมูลจาก : reuters
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ตลาดหุ้นสหรัฐ ดีดตัวครั้งประวัติศาสตร์ ดาวโจนส์ พีคสุดรอบ 16 ปี สนอง ‘ทรัมป์’ พักขึ้นภาษี 90 วัน
- “ทรัมป์” เบรก “ภาษีต่างตอบแทน” กลุ่มประเทศไม่ตอบโต้ เพิ่มภาษีจีน 125%
- วิปรัฐบาล แถลงเลื่อน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ออกไปก่อน พิจารณาภาษีทรัมป์