ช่างเบิร์ด หัวหน้าวางระบบไฟ ให้การนาน 3 ชม. ปม บ.ซับคอนแทรค ค้างจ่าย 3.7 ล้าน DSI ซักข้อมูลชื่อคนใน ‘ไชน่า เรลเวย์-9PK’ ขยายผลคดีพิเศษปมนอมินี
ความคืบหน้ากรณีปัญหาการก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ ล่าสุด กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้เชิญตัว นายฐิติพงษ์ โพธิพรหม หรือ “ช่างเบิร์ด” หัวหน้าผู้รับเหมาวางระบบไฟฟ้าของอาคารดังกล่าว เข้าให้ปากคำในฐานะพยาน เมื่อช่วงเช้าวันนี้
นายฐิติพงษ์ เปิดเผยภายหลังเข้าให้ปากคำนานกว่า 3 ชั่วโมงว่า DSI ได้เชิญตนมาสอบถามรายละเอียด กรณีที่ตนและผู้รับเหมารายย่อยอื่นๆ ถูกบริษัท 9PK ซึ่งเป็นผู้รับเหมาช่วง (Subcontractor) อีกทอดหนึ่ง เบี้ยวจ่ายค่าจ้าง โดยในส่วนของตนนั้น ถูกค้างจ่ายเป็นเงินถึง 3.7 ล้านบาท นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนยังได้ซักถามถึงรายชื่อบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งในฝั่งบริษัท 9PK และ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้รับเหมาหลัก
การสอบปากคำครั้งนี้ เชื่อมโยงกับคดีพิเศษที่ DSI รับผิดชอบอยู่ คือ การตรวจสอบรายชื่อผู้ถือหุ้นของ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 ว่าอาจมีลักษณะเป็นตัวแทนอำพราง (นอมินี) ซึ่งเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 หรือไม่
นายฐิติพงษ์ เล่าถึงปัญหาที่ประสบว่า บริษัทของตนได้รับการว่าจ้างจาก 9PK ตั้งแต่ต้นปี 2567 ให้ดูแลระบบไฟฟ้าตั้งแต่ชั้นใต้ดินถึงชั้น 30 แต่การเบิกจ่ายค่างวดเป็นไปอย่างติดขัด โดยได้รับเงินเพียงประมาณ 40% ของวงเงินที่ขอเบิก ทำให้บริษัทขาดสภาพคล่องอย่างหนัก ตนต้องนำทรัพย์สินส่วนตัวไปจำนองเพื่อนำเงินมาสำรองจ่ายค่าวัสดุและค่าแรง จนกระทั่งไม่สามารถเบิกค่างวดที่ 22 ได้เลย แม้จะทวงถามหลายครั้ง ทำให้ตัดสินใจหยุดงานตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 และเคยรวมตัวประท้วงเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
สำหรับความคืบหน้าต่อไป นายฐิติพงษ์จะเดินทางไปให้ปากคำเพิ่มเติมที่ สน.บางซื่อ ในช่วงเช้าวันที่ 9 เมษายน และในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ทางบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ และ 9PK ได้นัดหมายเพื่อเจรจาเรื่องหนี้สินค่าจ้าง 3.7 ล้านบาท ที่บริเวณหน้าสำนักงาน สตง. ย่านจตุจักร ซึ่งนายฐิติพงษ์หวังว่าจะได้รับเงินก้อนทั้งหมดเพื่อนำไปปลดหนี้สินส่วนตัว โดยไม่เรียกร้องค่าเสียหายอื่นเพิ่มเติม
ด้าน พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ โฆษก DSI กล่าวว่า ปัจจุบัน DSI รับคดีนี้เป็นคดีพิเศษเฉพาะในประเด็นเรื่องนอมินีเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากการสืบสวนสอบสวนในอนาคตพบข้อมูลหรือหลักฐานที่บ่งชี้ว่าอาจมีการกระทำความผิดในลักษณะอื่น เช่น การฮั้วประมูล หรือการใช้วัสดุก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) ทาง DSI ก็มีอำนาจตามกฎหมายที่จะรับเป็นคดีพิเศษเพิ่มเติมได้ แต่ต้องรอการรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับอาคาร สตง. ให้ชัดเจนก่อน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ชินเคอหยวน เทแถลงข่าวนาทีสุดท้าย ปมเหล็กสตง. อ้าง ดูท่าที ก.อุตฯ ก่อน
- กทม. แจ้งยอดผู้เสียชีวิตเหตุตึก สตง. ถล่ม กู้เพิ่มได้ 4 ร่าง รวมแล้ว 21 ศพ
- ปิดสะพานกรุงเทพ 8 เม.ย. แนะเส้นทางเลี่ยง กรมทางหลวงแจ้งเช็กระบบหลังแผ่นดินไหว
ข่าวล่าสุด
