ข่าว

เปิดยอดเงิน ‘ไฮโซฮอต’ มีในบัญชี ใช้อวดสาว เยอะระดับมหาเศรษฐี

วิบากกรรมยังไม่จบ สาวโผล่แฉอีก “ไฮโซเก๊” เคยรู้จักกันผ่านแอปพลิเคชันหาคู่เมื่อประมาณ 5-6 ปีก่อน อวดยอดเงินในบัญชีร้อยล้านบาท

หญิงสาวเล่าว่า เริ่มต้นพูดคุยกันเรื่องการเมือง รู้สึกว่าคุยกันถูกคอ จึงนัดไปทานข้าว แต่กลับถูกเบี้ยวนัดโดยไม่แจ้งล่วงหน้า ก่อนจะห่างหายกันไป และเมื่อประมาณ 3 ปีก่อน ชายคนดังกล่าวกลับมาทักอีกครั้ง และนัดเจอกันที่ร้านอาหาร

ระหว่างรับประทานอาหาร เขาได้พูดถึงแฟนเก่าที่เพิ่งเลิกรากัน โดยแฟนเก่าคือรุ่นน้องของเธอเอง ทั้งที่รู้ว่าเธอรู้จักฝ่ายหญิงก็ยังเล่าให้ฟังโดยไม่เกรงใจ ทำให้เธอมองว่าเป็นการไม่ให้เกียรติผู้หญิง แม้โดยภาพรวมเขาจะเป็นคนพูดจาดี มีทัศนคติและบุคลิกดูผู้ใหญ่ ทำให้ไม่น่าแปลกใจที่ผู้หญิงหลายคนจะหลงเชื่อ

หญิงสาวยังเล่าว่า ระหว่างรับประทานอาหาร มีผู้หญิงกลุ่มหนึ่งเข้ามาถามว่าเขามากับใคร ซึ่งเขาขอตัวไปคุย แล้วกลับมาบอกว่าเป็นรุ่นพี่ที่รู้จักจากสายการบิน และยังบอกด้วยว่าฝ่ายหญิงเป็นคนจ่ายค่าอาหารให้แล้ว

หลังจบมื้ออาหาร เขาอ้างว่ามีคนขับรถมาส่งตอนขามา แต่ตอนกลับจะนั่งวินมอเตอร์ไซค์ เพราะไม่อยากรบกวนคนขับรถ ซึ่งเธอก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ แต่ยังไม่ได้เอะใจอะไรในตอนนั้น

สิ่งที่ทำให้เธอเริ่มสงสัยในความน่าเชื่อถือของชายคนนี้คือพฤติกรรมบนโซเชียล โดยเฉพาะอินสตาแกรมของเขาที่เต็มไปด้วยภาพเงินสดเป็นฟ่อน ทองคำแท่ง และสมุดบัญชีที่โชว์ยอดเงินหลักร้อยล้านบาท รวมถึงการอวดอ้างว่าอยากเปิดคาเฟ่ และจะให้เธอไปดูแล โดยเสนอค่าตอบแทนสูงกว่างานประจำของเธอถึง 3 เท่า แต่เธอตัดสินใจปฏิเสธ เพราะรู้สึกว่าไม่น่าไว้ใจ พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า “คนรวยจริงคงไม่มาโพสต์อวดเงินทองแบบนั้น”

ย้อนประวัติ ไฮโซเก๊ คนแฉวีรกรรมเพียบ

จุดเริ่มต้นมหากาพย์ ไฮโซฮอต หรือ ธัญเทพ ศิริทรัพย์เดชากุล มาจากนักแสดงสาวช่อง 7 สี “คะน้า” ริญญารัตน์ วัชรโรจน์สิริ ออกมาเปิดว่าถูกชายคนหนึ่งซึ่งแอบอ้างตัวเป็น “ไฮโซ” จนเกือบได้แต่งงานด้วย แต่ภายหลังจับได้ว่าฝ่ายชายมีภรรยาอยู่แล้ว อีกทั้งยังพบประวัติคดีเก่าในอดีต

ไฮโซฮอต ปัจจุบัน อายุ 32 ปี เคยใช้ชื่อเก่าว่า ธนายุทธ พึ่งพิบูลย์ ก่อนจะเปลี่ยนนามสกุลเป็น “สิงหเสนี” อ้างว่าเป็นนามสกุลสายบรรพบุรุษทางฝั่งมารดา เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือในแวดวงสังคม ในอดีตมีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายทางสังคมหลากหลาย เช่น เคยดำรงตำแหน่งรองประธานเครือข่ายยุวทัศน์ กรุงเทพมหานคร องค์กรที่มีชื่อว่าทำงานด้านส่งเสริมเยาวชนในสังกัดกระทรวงวัฒนธรรม และระบุว่าตนเองเป็นประธานสถาบันยุวชนสยาม

อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมอันเป็นจุดเริ่มต้นของคดีฉ้อโกง เริ่มเป็นที่ปรากฏชัดในปี 2559 เมื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เข้าจับกุมตัวนายธนายุทธ สิงหเสนี ตามหมายจับศาลจังหวัดหัวหิน ฐาน “ฉ้อโกงทรัพย์” หลังได้รับแจ้งจากนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ว่าถูกหลอกให้โอนเงินและทรัพย์สิน โดยผู้ต้องหาอ้างว่าจะซื้อที่ดินและอสังหาริมทรัพย์มูลค่าหลายร้อยล้านบาท พร้อมทั้งแอบอ้างว่ารู้จักกับข้าราชการระดับสูง กระทั่งมีการขอเงินค่าดำเนินการ และรับแหวนเพชรมูลค่ากว่า 400,000 บาท ก่อนหลบหนีไปโดยไม่ดำเนินการใดๆ

ภายหลังการจับกุมเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2559 เจ้าตัวยังคงให้การปฏิเสธ และขอไปให้การในชั้นศาล ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า นายธนายุทธเคยใช้สถานะและตำแหน่งในเครือข่ายยุวทัศน์มาเป็นเครื่องมือในการแสวงหาผลประโยชน์จากเหยื่อหลากหลายราย

ต่อมาในช่วงปี 2565-2568 นายธัญเทพ หรือฮอต ได้ปรับภาพลักษณ์ใหม่เข้าสู่โลกออนไลน์ ใช้โพรไฟล์หรูหราบนแอปฯ หาคู่ โดยลงภาพรถหรู เงินสด ทองคำแท่ง และสมุดบัญชีที่ระบุยอดเงินมากกว่าร้อยล้านบาท สร้างความเชื่อมั่นให้แก่หญิงสาวหลายคนที่รู้จักผ่านทางออนไลน์ หนึ่งในนั้นคือ “คะน้า ริญญารัตน์” ที่ได้เริ่มพูดคุยกับเขาเมื่อไม่นานมานี้

โดยคะน้าเล่าว่า ฮอตมักจะอ้างว่าตนสนิทกับบุคคลในรัฐบาล และถึงขั้นขอแต่งงานพร้อมนำทองคำและเพชรมามอบให้ รวมถึงอ้างว่าได้รับพระราชทานสมรส ซึ่งภายหลังก็พบว่า ทองลอก และไม่มีหลักฐานการขอพระราชทานสมรสจริง นอกจากนี้ยังอ้างแชตปลอมว่ากำลังพูดคุยกับนายกรัฐมนตรี ผบช.ตำรวจไซเบอร์ และบุคคลในวัง เพื่อแสดงอิทธิพลและปกป้องตนจากคดี “เงินเทา” ที่แต่งเรื่องขึ้นเอง

คดีล่าสุดที่ทำให้คะน้าตัดสินใจเปิดโปงคือการที่ฝ่ายชายหลอกให้โอนเงินกว่า 98,000 บาท โดยอ้างว่าจะนำไปซื้อแชมเปญมอบให้นายกรัฐมนตรี หลังจากเธอเริ่มสงสัยในพฤติกรรมของฝ่ายชาย ก่อนนำเรื่องทั้งหมดมาเปิดเผยในรายการโหนกระแส ซึ่งกระตุ้นให้ผู้หญิงอีกหลายคนออกมาแฉพฤติกรรมในลักษณะเดียวกัน และมีผู้ร้องเรียนต่อเพจช่วยเหลือหลายราย

เมื่อเป็นข่าวใหญ่ นายธัญเทพเกิดอาการเครียดอย่างหนัก ถึงขั้นปีนขึ้นไปบนตึก 3 ชั้นเพื่อขู่จะกระโดดลงมา ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.โคกคราม ควบคุมตัวไปสอบปากคำ ซึ่งเจ้าตัวยังยืนยันว่าไม่ได้ทำอะไรผิด และกล่าวหาว่าตนถูกแบล็กเมล์

พ.ต.อ.ประภาส แก้วฉีด ผกก.สน.โคกคราม ยืนยันว่าจากการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหารายนี้มีหมายจับอยู่ในระบบ 1 หมายเป็นอย่างน้อย และอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อพิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมาย

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

Aindravudh

นักเขียนประจำ Thaiger มีประสบการณ์เขียนข่าวมากกว่า 5 ปี จบการศึกษาด้านภาษาและประวัติศาสตร์ จากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความสนใจ ประเด็นความเคลื่อนไหวทางสังคมและการเมือง เจาะประเด็นข่าวทางสังคม ด้วยกลวิธีการเล่าเรื่องแบบย่อยง่าย อย่างงานเขียนสร้างสรรค์ สั้น กระชับ จับทุกประเด็น หัวข้อที่เชียวชาญคือเรื่องไลฟ์สไตล์ เลขเด็ด หวยรัฐบาลไทย หวยลาว ช่องทางติดต่อ vajara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button