ข่าวการเมือง

พรรคเส้นด้าย ถามผู้ว่า ห่วงศพพม่ามากกว่าคนไทย วันข้างหน้าจะเหลืออะไร?

พรรคเส้นด้าย ถามผู้ว่า ห่วงศพพม่ามากกว่าคนไทย วันข้างหน้าจะเหลืออะไร ปมวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ย้ำตั้งคำถามถึงความโปร่งใส

จากกรณีที่ นายพีรพล กนกวลัย สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตพญาไท กับ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ระหว่างการอภิปรายเกี่ยวกับ มาตรการรับมือการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่

ในช่วงตั้งกระทู้ถามสด นายพีรพล ได้เรียกร้องให้ กทม. เร่งรัดการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะ 7 กลุ่มเสี่ยง แสดงความกังวลว่า กทม. ควรให้ความสำคัญกับประชาชนที่ยังมีชีวิตอยู่ พร้อมกล่าวพาดพิงถึงเหตุการณ์อาคารถล่มที่กำลังอยู่ระหว่างการค้นหาผู้รอดชีวิตว่า “ท่านต้องดูแลคนไทยให้มากกว่านี้ ท่านไปอยู่ตรงนั้นเขาเสียชีวิตหมดแล้ว แต่คนไทยที่ยังไม่เสียชีวิตต้องหันกลับมาดูแล กลับมาฉีดวัคซีนให้คนที่ยังไม่เสียชีวิต” จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์นั้น

ล่าสุดพรรคเส้นด้ายได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุถึงเรื่องนี้เพิ่มเติมว่า “เมื่อการตั้งคำถามว่า “คนไทยควรได้วัคซีนก่อน” กลายเป็นดราม่า
ท่ามกลางกระแสดรามา ของผู้ว่าชัชชาติกับพรรคเส้นด้าย วันนี้ส.ก. พีรพล กนกวลัย พูดถึงสถานการณ์ ที่ไข้หวัดใหญ่กำลังระบาดในหลายพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร ประชาชนกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และผู้ป่วยเรื้อรัง ที่เข้าไม่ถึงวัคซีนที่ควรได้รับตามสิทธิขั้นพื้นฐาน

ศูนย์สาธารณสุขกทม. แจ้งพรรคเส้นด้ายว่า “วัคซีนหมด” หรือ “ยังไม่มา” ทั้งที่ทางกรุงเทพมหานครได้ประกาศว่ามีวัคซีนอยู่ในแผน มีงบประมาณรองรับ และมีการจัดสรรจำนวนหลายแสนโดส

เมื่อ ส.ก. พีรพล กนกวลัย สมาชิกสภากรุงเทพมหานครจากพรรคเส้นด้าย ลุกขึ้นตั้งคำถามในสภา เขาถามถึงความล่าช้าในการจัดสรรวัคซีน เขาถามถึงจำนวนวัคซีนที่กำลังจะหมดอายุในคลัง เขาถามว่าวัคซีนหายไปไหน 10,000 โดส ราชการอย่าง กทม ทุจริตหรือไม่ เขาเสนอให้ กทม. ดำเนินการเชิงรุก เข้าถึงกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี และผู้ป่วยติดเตียง

รวมถึงตั้งคำถามว่าเหตุใดเราจึงยัง “รอ” ให้คนไทยมาเข้าคิวรับวัคซีน แทนที่จะเดินเข้าไปหาคนที่ต้องการความช่วยเหลือ
คำถามเหล่านี้ควรได้รับคำตอบเชิงนโยบาย แต่น่าเสียดายที่สิ่งที่เขาได้รับกลับเป็น “ดรามา” หนึ่งในประโยคที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุด คือคำกล่าวว่า

“เขา(พม่า)เสียชีวิตหมดแล้ว แต่คนไทยที่ยังไม่เสียชีวิตต้องกลับมาดูแล ผู้ว่าฉีดให้คนไทยก่อน (ก่อนจะไปห่วงพม่าที่อยู่ใต้ซากตึก สตง.)” ข้อความดังกล่าวถูกตีความว่าเป็นการเหยียดเชื้อชาติ หรือไม่เห็นใจแรงงานต่างด้าวที่เสียชีวิต ทั้งที่ในความเป็นจริง ประโยคนี้สะท้อนเพียงเจตนาชัดเจนว่า หลัง 72 ชั่วโมงซึ่งเป็นชั่วโมงทองคำ ที่ผู้ประสบภัยมีโอกาสรอดชีวิตมากที่สุด ซึ่งในชั่วขณะที่ ส.ก. พีรพลพูด เวลาทองคำนั้นได้ผ่านไปแล้ว เพราะฉะนั้นตามหลักสากล ให้ปฎิบัติเยี่ยงผู้ประสบภัยได้เสียชีวิตแล้ว ( พูดหลังเหตุการณ์ 5 วัน หรือเท่ากับ 120 ชั่วโมง หลังเกิดเหตุ )

และที่สำคัญที่สุด กทม ควรต้องรับผิดชอบต่อประชาชนไทยผู้เสียภาษี ให้ครบถ้วนก่อนเป็นอันดับแรก การเห็นใจต่อผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุใด ๆ ไม่ควรกลายเป็นข้ออ้างในการ เบี่ยงเบนประเด็นการจัดสรรทรัพยากรสาธารณะ ซึ่งในปีที่แล้วคนไทยเสียชีวิต 51 คนจากไข้หวัดใหญ่

ในฐานะผู้แทนประชาชน ส.ก.พีรพลมีหน้าที่พูดในสิ่งที่ประชาชนไทยกำลังเผชิญอยู่จริง และประชาชนเหล่านั้นคือผู้สูงอายุในบ้านของเรา เด็กเล็กในชุมชนของเรา และผู้ป่วยติดเตียงที่ลูกหลานไม่สามารถพาไปฉีดวัคซีนได้ทัน

หากวันนี้กทมยังไม่สามารถจัดการ “วัคซีนไข้หวัดใหญ่” ซึ่งเป็นเรื่องพื้นฐาน
หากวันนี้ประชาชนต้องรอวัคซีนที่กำลังจะหมดอายุ ทั้งที่เป็นของที่จัดสรรแล้ว
หากวันนี้การพูดคำว่า “ขอให้ดูแลคนไทยก่อน” กลายเป็นสิ่งที่ถูกด่ามากกว่าการส่อโกงวัคซีน

เราอาจต้องสูญเสียชีวิตของคนไทยไม่น้อยกว่า 50 ชีวิต สุดท้ายเราควรถามกลับว่า—ในวันที่ผู้ว่าฯห่วงศพพม่า มากกว่าชีวิตคนไทย วันหน้าชาติไทยจะเหลืออะไร พรรคเส้นด้ายขอยืนยันว่า การตั้งคำถามถึงความโปร่งใส ไม่ใช่การเหยียดชาติพันธุ์ การเรียกร้องสิทธิให้ประชาชนไทย ไม่ได้หมายถึงการลบหลู่ชีวิตของใคร และการตรวจสอบผู้บริหารที่ตอบเลี่ยงประเด็นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
คือหน้าที่ที่เราจะไม่ถอย

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

Nateetorn S.

ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button