
คืบหน้ากรณี แจกเงินดิจิทัลเฟส 3 ให้กับกลุ่มประชาชนที่เข้าเงื่อนไขสิทธิ มีอายุระหว่าง 16-20 ปี 2.7 ล้านคน โดยไทม์ไลน์เดิมจะเริ่ม โอนเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ภายในต้นไตรมาส 2/2568 และคาดว่าจะทันใช้จ่ายช่วงเทศกาลสงกรานต์ 13-15 เมษายน นั้น
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ออกมายืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่า โครงการแจกเงิน 10,000 บาท ผ่าน ดิจิทัลวอลเล็ต ระยะที่ 3จะไม่สามารถดำเนินการแจกเงินได้ทันช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2568 นี้ อย่างแน่นอน สร้างความผิดหวังให้กับผู้ที่รอคอย แม้ว่าขณะนี้รายละเอียดของโครงการจะถูกเสนอไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแล้วก็ตาม
นายจุลพันธ์ เปิดเผยความคืบหน้าว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังได้ส่งรายละเอียดของโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เฟส 3 ดังกล่าว ซึ่งเป็นไปตามมติของคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะสามารถบรรจุเข้าวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาได้ในเร็วๆ นี้
“ตอนนี้กระทรวงการคลัง ได้เสนอรายละเอียดของโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 มายังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแล้ว และเชื่อว่า น่าจะเวียนขอความเห็นของหน่วยงานต่าง ๆ จากนั้นน่าจะเสนอเข้ามายัง ครม. เพื่อพิจารณาเห็นชอบได้” นายจุลพันธ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงกรอบเวลาว่าจะสามารถแจกเงินได้ทันก่อนช่วงเทศกาลสงกรานต์หรือไม่ รมช.คลัง ยอมรับว่า “คงไม่ทันกับช่วงสงกรานต์ และขอให้รอก่อน” เนื่องจากยังมีขั้นตอนที่ต้องดำเนินการต่อ ทั้งการรอความเห็นจากหน่วยงานต่างๆ และการรอการอนุมัติจาก ครม. ส่วนความคืบหน้าด้านการพัฒนาระบบเพื่อรองรับการใช้จ่ายเงินดิจิทัลนั้น ได้รับรายงานเบื้องต้นว่ากำลังเร่งดำเนินการอยู่
สำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 นี้ กระทรวงการคลังได้ชี้แจงถึงเหตุผลและความจำเป็นว่า เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่ต้องการ วางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัล ให้กับประเทศไทย ตามที่ได้แถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567
โครงการนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน ส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และพัฒนาสภาพแวดล้อมเพื่อทดสอบระบบการชำระเงินกลางของประเทศ โดยจะใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลที่ประชาชนได้ลงทะเบียนไว้ในแอปพลิเคชันทางรัฐอยู่แล้ว
ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลจึงเลือกที่จะเริ่มดำเนินการโครงการนี้เป็นครั้งแรกกับกลุ่มเป้าหมายที่มีความรู้ความเข้าใจและมีความพร้อมในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Adoption) สูงเป็นลำดับแรก นั่นคือ กลุ่มเยาวชนไทยที่มีอายุตั้งแต่ 16-20 ปี ซึ่งมีจำนวนประมาณ 2.7 ล้านคน
รัฐบาลคาดหวังว่า การแจกเงิน 10,000 บาทให้กับกลุ่มเยาวชนในเฟส 3 นี้ จะก่อให้เกิดประโยชน์หลายด้าน ได้แก่
- บรรเทาภาระค่าครองชีพ ช่วยเหลือผู้ที่อยู่ในวัยเรียนให้มีกำลังซื้อในสิ่งที่จำเป็น
- ยกระดับคุณภาพชีวิต เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการใช้จ่ายเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
- กระตุ้นการบริโภค เพิ่มเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจอย่างทั่วถึง
- กระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวม ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
- ส่งเสริมความเข้มแข็ง ทำให้ประชาชนและชุมชนพึ่งพาตนเองได้ทางเศรษฐกิจ
- เพิ่มโอกาสทางอาชีพ เป็นการส่งเสริมทักษะและการเข้าถึงเศรษฐกิจดิจิทัล
คุณสมบัติคนได้เงินดิจิทัลเฟส 3
- ไม่เป็นกลุ่มเป้าหมายตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และคนพิการ
- เป็นผู้ที่มีที่อยู่ในทะเบียนบ้าน ณ วันที่ส่งข้อมูลไปตรวจสอบกับกรมการปกครอง ไม่รวมถึงทะเบียนบ้านกลาง
- ไม่เป็นผู้ที่มีเงินฝากรวมกันเกินกว่า 500,000 บาท ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 โดยให้หมายความถึงเฉพาะเงินฝากที่อยู่ในรูปสกุลเงินบาทเท่านั้น และไม่รวมถึงกรณีบัญชีเงินฝากประเภทบัญชีร่วม บัญชีเพื่อ และบัญชีโดย และผลิตภัณฑ์ทางการเงินประเภทสลากออมทรัพย์
- ไม่เป็นผู้มีเงินได้พึงประเมินเกินกว่า 840,000 บาท สำหรับปีภาษี 2566
- ไม่เป็นผู้อยู่ในสถานสงเคราะห์ ในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ตามฐานข้อมูลของ พม. ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2567
- ไม่เป็นผู้ต้องขัง 4 ประเภท ประกอบด้วย นักโทษเด็ดขาด ผู้ต้องขังระหว่าง ผู้ต้องกักขัง และผู้ต้องกักกัน ตามฐานข้อมูลของกรมราชทัณฑ์ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2567
วิธีใช้เงินดิจิทัลเฟส 3
กลุ่มผู้ได้รับสิทธิเงินดิจิทัลเฟส 2 ที่มีอายุ 16-20 ปี และได้ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน ทางรัฐ ไว้เรียบร้อยแล้ว สามารถใช้จ่ายเงินดิจิทัล 10,000 บาท ได้ง่าย ๆ โดยทำตามขั้นตอน ดังนี้
- เปิดแอปพลิเคชัน ทางรัฐ บนสมาร์ทโฟน
- เลือกเมนู เงินดิจิทัล
- สแกน QR Code ที่ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ
- ยืนยันการชำระเงิน
ใช้จ่ายเงินดิจิทัลเฟส 3 ภายในรัศมีเท่าไหร่
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลมีการกำหนดให้ใช้จ่ายเงินดิจิทัลภายในรัศมี 4 กิโลเมตร จากที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน ต่อมา มีการปรับเปลี่ยนเงื่อนไข ให้ใช้จ่ายได้ภายในเขตอำเภอ ตามทะเบียนบ้านแทน
แม้ว่าปัจจุบัน ยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่าจะใช้รัศมีเท่าใด แต่อดีตนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน เคย ระบุว่า จะขอคงรัศมี 4 กิโลเมตร
ดังนั้น จึงยังไม่มีความชัดเจน เกี่ยวกับระยะรัศมี การใช้เงินดิจิทัลเฟส 3 แนะนำให้ติดตาม ข่าวสาร จากทาง รัฐบาล อย่างใกล้ชิดเพื่อติดตามความคืบหน้าและข้อมูลเพิ่มเติม