หนุ่มอังกฤษ แฉ ตร.ไทยยัดคดี ต้องกินฉี่ตัวเองประทังชีวิต ถูกทำร้ายจนซี่โครงหัก

นักท่องเที่ยวอังกฤษเล่าชีวิตหลังถูกจับยัดห้องขังไทยนาน 10 วัน ต้องกินฉี่ตัวเองประทังชีวิต ถูกเจ้าหน้าที่ทำร้ายจนซี่โครงหัก
เรื่องราวดังกล่าวถูกเล่าผ่านปากของ ลูอิส กรีน หนุ่มวัย 22 ปีชาวอังกฤษ ที่ตัดสินใจเดินทางมาท่องเที่ยวคนเดียวนานกว่า 8 สัปดาห์ในประเทศแถบเอเชียใต้ โดยเจ้าตัวเล่าว่าเมื่อวันที่ 24 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันก่อนที่เขาจะเดินทางกลับบ้านเกิด เขาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับเป็นเวลากว่า 10 วัน หลังจากที่เขาถูกวางยาหลอนประสาท
เขาเล่าว่าถูกบังคับให้ต้องดื่มปัสสาวะตัวเองในห้องขังที่สถานที่ตำรวจหัวหิน นอกจากนี้ยังถูกทำร้ายร่างกายจนซี่โครงหัก, ข้อมือหัก และมีแผลฉีกที่เท้า แต่สุดท้ายเขาก็ถูกปล่อยตัวหลังจากที่ยอมจ่ายเงิน 7,000 ปอนด์ (ประมาณ 307,000 บาท) ซึ่งเขาบอกว่าเงินก้อนนั้นคือ “สินบน”
ช่างก่อสร้างจากสแตมฟอร์ดเชียร์รายนี้เชื่อว่า เขาอาจเป็นเป้าของกลุ่มอาชญากรรม และน่าจะถูกวางยาหลอนประสาทที่มีฤทธิ์รุนแรงอย่าง Dimethyltryptamine หรือ DMT ซึ่งเจ้าตัวคาดว่าเขาถูกวางยาผ่านเครื่องดื่ม หรือไม่ก็รับผ่าน “บุหรี่ไฟฟ้า”
เหตุการณ์ดังกล่าวกระทบกระเทือนสภาพจิตใจของเขาอย่างรุนแรง ถึงขนาดที่เขากลับมายังสหราชอาณาจักรเมื่อเดือนก่อน ลูอิส ต้องถูกกักตัวชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยของตัวเขาเอง
หลังจากที่ผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายมาได้ ลูอิส ได้เปิดใจผ่านสื่อในบ้านเกิดว่า “นแย่มาก แขนของผมถูกล่ามโซ่ และผมถูกใส่กุญแจมือไว้กับลูกกรง”
“คุณไม่ได้รับอาหารหรือน้ำใดๆ ผมต้องเริ่มดื่มน้ำจากพื้น เพราะพวกเขาเปิดก๊อกและน้ำท่วมห้องขัง และปล่อยน้ำไว้ที่นั่นเป็นเวลาหลายวัน”
“ผมถูกล่ามโซ่ ดังนั้นทุกครั้งที่ผมต้องเข้าห้องน้ำ ผมต้องทำธุระบนพื้น แล้วดื่มน้ำที่ผมปัสสาวะใส่”
“วันหนึ่ง พวกเขา 6 คนdHเข้ามาในห้องขัง แล้วเริ่มต่อยผม ทำร้ายผมอย่างหนัก ผมแค่ป้องกันตัวเองให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“ผมโชคดีที่สามารถจ่ายเงินเพื่อออกมาได้ แต่มีชายชาวอังกฤษและอเมริกันจำนวนมากที่ถูกจับในเรื่องแบบนี้”
ลูอิสกล่าวว่าเขาจำเหตุการณ์ที่นำไปสู่การจับกุมได้น้อยมาก แต่ยืนยันว่าเขาไม่ได้เสพยาใดๆ รวมถึงกัญชา ที่ถูกยกเลิกการเป็นยาเสพติดเพื่อใช้ทางการแพทย์ในปี 2022 แต่ปัจจุบันถูกขายอย่างเปิดเผยให้กับนักท่องเที่ยวทั่วประเทศไทย
เขาเล่าต่อว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 คนพาตัวไปหลังจากทะเลาะกับเจ้าของร้านขายกัญชาในเมืองชายฝั่งหัวหิน ในตอนนั้นเขาคิดว่าเขาถูกพาตัวไปเพื่อจ่ายค่าปรับที่สถานีตำรวจ แต่กลายเป็นว่าถูกขังในห้องขัง 4 วัน แล้วปล่อยตัวออกมา แล้วก็จับโยนเข้าห้องกรงอีก 6 วัน โดยถูกกล่าวหาว่าขโมยรถยนต์
“ผมไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมผมถึงถูกขัง ผมถูกล่ามโซ่ และไม่มีใครให้คำตอบผมเลย ทุกครั้งที่มีใครเดินผ่าน ผมพยายามพูดคุยกับพวกเขา แต่พวกเขาเมินเฉยผม”
“ผมโชคดีที่อยู่ในห้องขังคนเดียว เพราะบางห้องขังมีคนอยู่ 10 คน”
“ผมอยู่ภายใต้อิทธิพลของยานี้อย่างแน่นอน ผมไม่รู้ว่าพวกเขาฉีดอะไรผมตอนอยู่ในห้องขังหรือเปล่า เพราะผมพยายามจะหลับ”
“ตอนที่พวกเขาปล่อยผมออกจากคุกครั้งแรก เจ้าของรถบอกผมว่าผมขับรถคันนี้ได้ แต่ตำรวจจับผมฐานขโมยมัน แล้วพาผมกลับไป ผมจำอะไรไม่ค่อยได้ เพราะผมอยู่ภายใต้อิทธิพลของยานี้”
“ยาเสพติดมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง และผมได้รับข้อเสนอโคเคนและเคตามีนตามท้องถนน และคุณสามารถสูบกัญชาได้อย่างถูกกฎหมาย แต่ผมอยู่คนเดียว ดังนั้นสิ่งที่แรงที่สุดที่ผมมีคือเบียร์ 2-3 แก้ว”
ลูอิสเล่าว่า เขาถูกบังคับให้จ่ายค่าปรับ 4,500 ปอนด์ (ประมาณ 197,000 บาท) และค่าชดเชย 1,700 ปอนด์ (ประมาณ 74,500 บาท) ให้กับเจ้าของรถเพื่อถอนฟ้อง ก่อนที่จะได้รับการปล่อยตัวในวันที่ 4 กุมภาพันธ์
เมื่อพ่อแม่ของเขาทราบว่าลูกชายถูกจับกุม ปีเตอร์ กรีน พ่อของลูอิส จึงตัดสินใจบินมาที่ประเทศไทยเพื่อช่วยให้ลูกชายได้กลับบ้าน ในขณะเดียวกับ คอลลีน ไวลดฺดิง ผู้เป็นแม่ ก็ติดต่อกับตำรวจและสถานทูตอังกฤษเพื่อขอความช่วยเหลือ
คอลลีนได้เล่าว่า “ตอนแรกเขาจองทริปตกปลา แต่เขาอยากเห็นประเทศไทยที่แท้จริงมากกว่า และนั่นคือจุดที่ทุกอย่างผิดพลาด”
“มันแย่มากที่ต้องเจอเรื่องแบบนั้นในฐานะแม่”
“ราได้ยินจากเขาในคืนที่เขาถูกวางยา ข้อความสุดท้ายที่เราได้รับก่อนที่เรารู้ว่าเขาอยู่ในสถานีตำรวจ ถูกส่งถึงพ่อของเขา และพูดว่า ‘มันเริ่มต้นที่ไหนและมันจบลงที่ไหน’ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เขาจะส่งมาก่อนเลย”
“เราได้รับข้อความปกติเกี่ยวกับการเดินทางมา 8 สัปดาห์แล้ว เราส่งข้อความถามว่าเขาสบายดีไหม แต่เราไม่เคยได้ยินอะไรเลย”
“หลังจาก 48 ชั่วโมง ฉันคิดในใจว่าเขาหายไปแล้ว และข้อความนั้นคือการบอกลา”
“เราเพิ่งรู้หลังจากที่เขาอยู่ในห้องขังมา 3 วันแล้ว และนั่นก็เป็นเพราะมีคนในหัวหินสังเกตเห็นว่าเขาหายไป และติดต่อเรา”
หลังจากเดินทางกลับถึงสหราชอาณาจักร ลูอิสถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเซนต์จอร์จในสแตฟฟอร์ดอย่างเร่งด่วน เพื่อเช็คอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นระหว่างถูกขัง และเนื่องจากว่าตัวของ ลูอิส ไม่มีประวัติปัญหาด้านสุขภาพจิต แพทย์จึงกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของเขา และหลังจากผลการสแกนสมองไม่พบการบาดเจ็บที่ศีรษะ เขาจึงถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลจิตเวชชั่วคราว
ปีเตอร์และคอลลีนได้ตั้งหน้า GoFundMe เพื่อช่วยให้ลูกชายของพวกเขาหาเลี้ยงชีพในขณะที่เขาพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ และเพื่อเตือนชาวอังกฤษรุ่นเยาว์คนอื่นๆ ให้ระมัดระวังเมื่อไปเยือนประเทศไทย
ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศเตือนว่านักท่องเที่ยวชายและหญิงตกเป็นเป้าหมายและถูกผสมแอลกอฮอล์และยาเสพติดทั่วประเทศไทย แม้ว่าเครื่องดื่มจะเป็นเป้าหมายที่พบบ่อยกว่า
ตำรวจและนักวิชาการได้เตือนถึงการเพิ่มขึ้นของ “การวางยาในบุหรี่ไฟฟ้า” และการศึกษาเมื่อปีที่แล้วโดยมหาวิทยาลัยบาธพบว่า 16% ของบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้งที่ยึดได้จากเด็กนักเรียนทั่วอังกฤษมียาเสพติดสังเคราะห์ที่เรียกว่า Spice อยู่
อ้างอิง : www.dailymail.co.uk
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- จัดอันดับ ประเทศเป็นมิตรที่สุดในโลก ‘ไทย’ เซอร์ไพรส์ ไม่ติดอันดับ 1
- หนุ่มกล้ามโตคลั่ง อาละวาด ทำลายของพังยับ ในสนามบิน เหตุตกเครื่อง
- กรรมสนอง แม่ใจเหี้ยม ทรมานลูกจนพิการ ตัดขา 2 ข้าง ถูกรุมสกรัมในคุก