การเงินเศรษฐกิจ

กรมสรรพากร รู้รายได้ คอนเทนต์ครีเอเตอร์ ได้ยังไง

เผยกลยุทธ์หลัก กรมสรรพากร รู้รายได้เราได้ยังไง ตรวจสอบรายได้คอนเทนต์ครีเอเตอร์ ทั้งจากแพลตฟอร์ม ธุรกรรมการเงิน และการวิเคราะห์ข้อมูลออนไลน์ ย้ำชัด หนีภาษียุคนี้ยากกว่าที่คิด

ในยุคดิจิทัลที่คอนเทนต์ครีเอเตอร์ผุดขึ้นมากมาย สร้างสรรค์ผลงานและรับรายได้ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ หนึ่งในคำถามที่หลายคนสงสัยคือ กรมสรรพากร ซึ่งมีหน้าที่จัดเก็บภาษี มีวิธีใดในการตรวจสอบและรับรู้ถึงรายได้ของคนกลุ่มนี้ได้บ้าง ความจริงแล้ว กรมสรรพากรมีกลไกและเครื่องมือหลายอย่างที่ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลทางการเงินของผู้ที่มีรายได้ ไม่เว้นแม้แต่คอนเทนต์ครีเอเตอร์ โดยแบ่งรูปแบบการตรวจสอบเส้นทางการเงินได้ดังนี้

การเชื่อมโยงข้อมูลกับแพลตฟอร์มออนไลน์

ปัจจุบัน กรมสรรพากรได้ก้าวไปอีกขั้นในการเข้าถึงข้อมูลรายได้ โดยมีการร่วมมือกับแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ ที่เป็นแหล่งรายได้สำคัญของคอนเทนต์ครีเอเตอร์ การทำงานร่วมกันนี้ช่วยให้กรมสรรพากรสามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้งาน โดยเฉพาะกลุ่มคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่มีรายได้สูง ซึ่งเป็นช่องทางสำคัญในการรับรู้ถึงเม็ดเงินที่หมุนเวียนในอุตสาหกรรมนี้

แกะรอยทุกการเคลื่อนไหวทางการเงิน

อีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญที่กรมสรรพากรใช้ คือ การตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินของบุคคลและธุรกิจ ข้อมูลเหล่านี้ได้มาจากสถาบันการเงินต่าง ๆ ซึ่งเป็นแหล่งรวมข้อมูลการรับ-จ่ายเงิน การวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้กรมสรรพากรสามารถระบุถึงรายได้ที่อาจถูกมองข้าม หรือไม่ได้รับการรายงานอย่างตรงไปตรงมา

การวิเคราะห์ข้อมูลออนไลน์

ในยุคที่ข้อมูลออนไลน์มีอยู่มากมายมหาศาล กรมสรรพากรได้นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลจากสื่อสังคมออนไลน์และแพลตฟอร์มต่างๆ เครื่องมือเหล่านี้สามารถประเมินรายได้ของคอนเทนต์ครีเอเตอร์ได้จากหลากหลายปัจจัย เช่น จำนวนผู้ติดตาม ยอดวิว หรือการได้รับการสนับสนุนต่างๆ ซึ่งเป็นอีกช่องทางในการตรวจสอบรายได้ที่อาจเกิดขึ้น

ด้วยกลไกและช่องทางเหล่านี้ กรมสรรพากรจึงสามารถเข้าถึงข้อมูลรายได้ของคอนเทนต์ครีเอเตอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น สิ่งสำคัญที่คอนเทนต์ครีเอเตอร์ทุกคนควรตระหนักคือ การเก็บรักษาหลักฐานรายรับและรายจ่ายต่างๆ อย่างเป็นระบบ เพื่อให้สามารถยื่นภาษีได้อย่างถูกต้อง ครบถ้วน และหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

นอกจากนี้ หากอ้างอิงข้อมูลจากเฟซบุ๊ก เพจ ลองวิเคราะห์ดู ที่ได้ระบุว่า “…แต่ที่จะบอกคือ ทุกวันนี้ถ้าลงทะเบียนรับเงินผ่านแพลตฟอร์มใด ๆ ก็ตามที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย ผ่านบริษัท ไม่ว่าจะเป็น affiliate, ผ่านบ. เอเจนซีโฆษณา หรือแม้แต่แพลตฟอร์มตรง ยอดชำระดังกล่าวก็จะไปโชว์ที่สรรพากรโดยที่เขาไม่ต้องเดินมาตรวจสอบด้วยซ้ำ (แม้จะไม่ทุกแพลตฟอร์ม แต่ถ้ามีบ. ในไทย ส่วนใหญ่เป็นแบบนั้น) นี่ยังไม่นับธุรกรรมอื่น ๆ ที่ทำผ่านออนไลน์นะ…”

อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก ลองวิเคราะห์ดู
ภาพจาก : Facebook ลองวิเคราะห์ดู
จากข้อมูลทั้งหมดนี้ ยิ่งเป็นการยืนยันว่า ไม่ว่าเราจะได้รายได้จากคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มใด ก็ไม่อาจหลบเลี่ยงการตรวจสอบจากกรมสรรพากรได้นั่นเอง

ครีเอเตอร์สายดิจิทัลต้องรู้ รายได้ออนไลน์แบบไหน เสียภาษียังไง

ใครว่าเป็นครีเอเตอร์บนโลกออนไลน์แล้วจะไม่มีเรื่องภาษีให้ปวดหัว บอกเลยว่ากรมสรรพากรเขาจับตาดูรายได้ของทุกคนอยู่ เพราะไม่ว่าจะเป็นเงินเล็กเงินน้อยที่ได้จากการทำคอนเทนต์ ก็ถือเป็น เงินได้ ที่ต้องนำมาคิดภาษีตามกฎหมายไทย

1. รายได้จากโฆษณา (YouTube, TikTok และอื่นๆ)

ใครที่ทำคลิปแล้วมีโฆษณามาขึ้น อย่าเพิ่งดีใจจนลืมตัว เพราะรายได้จากตรงนี้ถือเป็น เงินได้มาตรา 40(8) หรือก็คือ “เงินได้อื่นๆ” ซึ่งกฎหมายเปิดโอกาสให้เราเลือกหักค่าใช้จ่ายได้ 2 แบบ คือ หักตามจริง (ต้องมีหลักฐาน) หรือ หักแบบเหมา เป็นอัตราส่วน

2. สปอนเซอร์และรีวิวสินค้า

ถ้ามีแบรนด์มาจ้างให้รีวิวสินค้า หรือทำคอนเทนต์โปรโมท บอกเลยว่าเงินที่ได้มานี้จัดอยู่ใน เงินได้มาตรา 40(2) ถ้ามองว่าเป็นการทำงานให้กับผู้ว่าจ้าง (แบรนด์) ซึ่งเราสามารถหักค่าใช้จ่ายแบบเหมาได้ 50% แต่ไม่เกิน 100,000 บาท เท่านั้นนะ

การตรวจสอบเส้นทางการเงิน

3. เงินบริจาคและทิป

ใครที่สายเปย์ให้ทิปครีเอเตอร์ คงสงสัยว่าเงินตรงนี้ต้องเสียภาษีไหม? คำตอบคือ อาจจะ จัดเป็น เงินได้มาตรา 40(8) ในฐานะ “เงินได้อื่น ๆ” เหมือนรายได้จากโฆษณา

4. ขายของออนไลน์ (สินค้า, อีบุ๊ก, คอร์ส)

ถ้าครีเอเตอร์คนไหนผันตัวมาเป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ขายสินค้าที่มีแบรนด์ตัวเอง ขายอีบุ๊ก หรือคอร์สต่าง ๆ รายได้จากการขายนี้ถือเป็น เงินได้มาตรา 40(8) เหมือนกัน แต่การหักค่าใช้จ่ายก็จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับต้นทุนการผลิต

5. Affiliate Marketing

ใครที่ชอบแนะนำสินค้าแล้วได้ค่าคอมมิชชั่น บอกเลยว่าเงินตรงนี้ก็น่าจะเข้าข่าย เงินได้มาตรา 40(8) สามารถหักค่าใช้จ่ายตามจริงหรือแบบเหมาได้

6. รายได้พิเศษจากแพลตฟอร์ม (เช่น ของขวัญ TikTok Live)

ใครที่ไลฟ์สดแล้วได้ของขวัญจากแฟนๆ เงินตรงนี้ก็ถือเป็น เงินได้มาตรา 40(8) ในหมวด “เงินได้อื่นๆ” เช่นกัน

จำไว้เลยว่า เงินได้แต่ละประเภท มีกฎเกณฑ์เรื่องการหักค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกัน! บางประเภทหักได้ 50%, บางประเภท 60% หรือหักตามจริง ถ้าไม่เข้าใจตรงนี้ อาจจะทำให้เสียภาษีมากกว่าที่ควรจะเป็นได้

คอนเทนต์ครีเอเตอร์หนีภาษียากขึ้น

รู้เรื่องรายได้แล้ว ก็ต้องรู้เรื่องยื่นภาษี

กฎหมายบอกไว้ชัดเจนว่า ถ้าใครมีรายได้ทั้งปีเกิน 60,000 บาท ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน หรือรายได้จากช่องทางออนไลน์ ก็ต้อง ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือที่เรียกว่า ภ.ง.ด.90 ภายในเดือนมีนาคมของปีถัดไป

เท่านั้นยังไม่พอ สำหรับใครที่มีรายได้จาก มาตรา 40(8) เช่น รายได้จากการขายของออนไลน์ หรือของขวัญจากการไลฟ์สด อาจจะต้องยื่นภาษีครึ่งปี หรือ ภ.ง.ด.94 ด้วยนะ ซึ่งปกติแล้วจะยื่นในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงกันยายนของทุกปี สำหรับรายได้ที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก

สรุปง่าย ๆ ทำคอนเทนต์ได้เงิน ก็มีหน้าที่ต้องเสียภาษี! อย่าลืมทำความเข้าใจประเภทของรายได้ และศึกษาเรื่องการหักค่าใช้จ่ายให้ดี เพื่อให้การยื่นภาษีเป็นเรื่องง่าย และถูกต้องตามกฎหมายนะจ๊ะ

เซฟ กระทะฮ้าง โอด สรรพากรเรียกเก็บภาษีเกือบ 2 แสนบาท หลังยอดวิวทะลุ 500 ล้าน

เรียกว่ากลายเป็นประเด็นดราม่าบนโลกโซเชียลไปแล้ว เมื่อ เซฟ กระทะฮ้าง อินฟลูเอนเซอร์อาหารพื้นบ้านชื่อดัง เจ้าของยอดวิวรวมกว่า 500 ล้านวิว และมีรายได้ต่อเดือนสูงถึงหลักล้านบาท ได้ออกมาโพสต์ถึงกรณีที่ถูกกรมสรรพากรเรียกเก็บภาษี โดยแสดงความเห็นว่าหน่วยงานดังกล่าวไม่ได้เข้ามาช่วยเหลือในช่วงที่ตนเองลำบาก

ต่อมา นายสมบูญ วรรณวงศ์ ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กเปิดเผยตัวเลขภาษีที่เซฟ กระทะฮ้าง ต้องชำระ ซึ่งมีมูลค่าเกือบ 2 แสนบาท พร้อมแสดงความเห็นเพิ่มเติมว่า “ตอนไม่มีรายได้ไม่มีใครสนใจงึดหลาย” ซึ่งเป็นการสะท้อนความรู้สึกไม่ต่างจากอินฟลูเอนเซอร์คนดัง

นอกจากนี้ เซฟ กระทะฮ้าง ยังได้โพสต์ภาพข้อความที่ตนเองเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า สาเหตุที่โชว์รายได้ ไม่ใช่ผมอยากอวด แต่ผมอยากบอกคนรากหญ้าว่า นี่คือวิธีหากินอีกแบบ ซึ่งเป็นการเน้นย้ำถึงเจตนาในการสร้างคอนเทนต์เพื่อเป็นแรงบันดาลใจและแนวทางในการหารายได้ให้กับผู้อื่น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ้างอิง : Facebook ลองวิเคราะห์ดู, ธรรมนิติ

Thosapol

นักเขียนบทความที่ Thaiger จบการศึกษาจากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เชี่ยวชาญเรื่องบทความท่องเที่ยว บันเทิง ไลฟ์สไตล์ ผ่านการค้นหาข้อมูลโดยละเอียดพร้อมด้วยประสบการณ์ตรงของตัวเอง งานอดิเรกมีความสนใจในกระแสข่าวรอบตัวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ สังคม การเมือง และที่สำคัญคือเป็นทาสแมวร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ ช่องทางติดต่อ thospol@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button