กัน จอมพลัง ตอบชัด ใช้เงินจากไหนช่วยชาวบ้าน ลั่น เคยคิดเลิกทำมูลนิธิ เพราะถูกด่า

‘กัน จอมพลัง’ เล่าหมดเปลือก วันแรกที่คิดช่วยคน สู่นักบุญที่พึ่งพิงของชาวบ้าน ตอบชัด ใช้เงินจากไหน? มีเพื่อนนักธุรกิจคอยสนับสนุน ชี้ หนุ่ม กรรชัย เคยโอนให้วันละ 1 ล้าน!
“กัน จอมพลัง” หรือ กัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หนึ่งในอาสาสมัครชื่อดัง ที่ทำหน้าที่ช่วยเหลือชาวบ้านที่เดือดร้อนมาตลอด ล่าสุดเจ้าตัวได้ออกมาเปิดใจผ่านรายการ เมาท์อยู่กับปากอยากอยู่กับคิ้ม EP.51 เล่าเบื้องหลังกว่าจะมาเป็น กัน จอมพลัง ในวันนี้ จนถึงจุดพลิกผันที่ทำให้อยากช่วยเหลือผู้อื่น รวมถึงตอบคำถามที่หลายคนสงสัย เกี่ยวกับแหล่งเงินที่คอยสนับสนุนมูลนิธิจอมพลัง ว่ามาจากใครกันแน่? มาหาคำตอบพร้อมกันได้ในบทความนี้

ในช่วงต้นรายการ “กัน จอมพลัง” เล่าว่าในอดีตเขาเคยทำธุรกิจร้านก๋วยเตี๋ยวชื่อว่า บะหมี่จอมพลัง ซึ่งมีรายได้สุงถึงวันละ 2 แสนบาท แต่วันหนึ่งก็จับได้ว่าลูกน้องโกงเงินไปกว่า 2 ล้านบาท จึงเรียกมาพูดคุยเพื่อไกล่เกลี่ย ทว่าวันที่ตกลงนัดคืนเงินลูกน้องกลับนำระเบิดมาปา และเกิดเหตุชุลมุนจนต้องเรียกตำรวจมาดู
ในท้ายที่สุดเรื่องดันจบที่กันต้องขึ้นศาลและประกันตัวเอง เพราะโพสต์ตามล่าตัวคนทำผิด แต่ถูกแจ้งข้อหากลับในฐานหมิ่นประมาท ซึ่งหนึ่งในทีมลูกน้องมีคน “นามสกุลดัง” อยู่ด้วย เรื่องจึงดำเนินอย่างรวดเร็ว เป็นเหตุให้ กัน จอมพลัง ฝังใจว่า “ความยุติธรรมมักเกิดขึ้นกับคนรวย” จึงบอกกับตัวเองว่าวันไหนมีชีวิตก้าวหน้าและมีพลังมากพอ จะแจกจ่ายให้กับคนอื่นฟรี ๆ

หลังจากปิดกิจการร้านบะหมี่ กัน จอมพลัง ได้ใช้เงินก้อนหนึ่งพาตัวเองไปอยู่ที่ยุโรปเป็นเวลา 1 เดือน เพื่อค้นหาไอเดียและประสบการณ์ จากนั้นจึงกลับมาทำธุรกิจส่วนตัวมากมาย เช่น ซอฟต์แวร์เฮาส์ บริษัทการ์ด โปรดักชันเฮาส์ทำให้เริ่มรู้จักผู้ใหญ่มากขึ้น รวมถึงมีเพื่อนใหม่ ๆ จากกลุ่มขับรถสปอร์ตด้วย
ต่อมาเมื่อถึงช่วงที่โควิด 19 ระบาดหนัก กัน จอมพลังได้ซื้อรถพยาบาลมารับ-ส่ง ผู้ป่วยให้ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย จาก 1 คันเป็น 5 คัน จากนั้นจึงขยายขอบเขตการทำงานไปช่วยประสานเรื่องขอเตียงผู้ป่วย ไปจนถึงเริ่มมีคนมาร้องขอความเป็นธรรม ซึ่งเมื่อก่อน กัน จอมพลัง ตอบข้อความเองผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว แต่ทุกวันนี้มีคนทักมาในเพจวันละ 500 เคส จึงต้องให้ทีมงานช่วยดูแลแทน

ส่วนเรื่องที่หลายคนอยากรู้ว่า กัน จอมพลัง ใช้เงินจากไหนมาช่วยเหลือคนได้ทุกวัน เจ้าตัวตอบอย่างสบาย ๆ ว่าส่วนหนึ่งมาจากเงินส่วนตัว และอีกส่วนมาจากกลุ่มเพื่อน ซึ่งเป็นนักธุรกิจที่ฐานะทั้งหมด ปัจจุบันกลุ่มนี้มีสมาชิกกว่า 100 คน บางครั้งแค่ส่งเรื่องเข้าไปว่าอยากช่วยคนนี้ ก็ได้รับยอดมาแล้ว 9 แสนบาทภายในครึ่งวัน
นอกจากนี้ กัน จอมพลังยังเผยอีกว่า หนุ่ม กรรชัย เคยโอนเงินมาสนับสนุนให้ช่วยเหลือเคส 1 ล้านบาทภายในวันเดียว ทำเอาเจ้าตัวถึงกับออกปากยอมแพ้ว่าหากจะมีคนที่ใหญ่โตกว่าเขา ก็คงไม่พ้นพี่หนุ่ม กรรชัย เพราะเป็นพี่ชายคนสนิทที่ ‘ปากแจ๋ว’ มากเวลาทะเลาะกับใคร ทั้งยังเป็นคนใจกว้างที่มีอภิมหาคอนเนคชั่นอีกด้วย และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้กันจอมพลังมีชื่อเสียงมาจนถึงวันนี้

ไม่เพียงเท่านั้น กัน จอมพลัง ยังเผยอีกว่า เมื่อช่วงต้นปี 2568 เขาเคยคิดที่จะเลิกทำหน้าที่ตรงนี้ เพราะถูกคนที่ไม่ชอบตนเองด่าบ่อย ๆ กันเล่าว่าตัดสินใจช่วยเหลือสังคม ไม่ได้คิดเรื่องเงินทองเลย เนื่องจากรายได้หลักของเขามาจากธุรกิจส่วนตัว ซึ่งไม่ได้ร่ำรวยมากมาย แค่พอกินพอใช้สำหรับตัวเองและครอบครัว ทั้งยังต้องเจียดส่วนหนึ่งมาช่วยกรณีต่าง ๆ ที่เข้ามาร้องทุกข์ด้วย
หลายครั้งที่ถูกด่าว่าก็ทำให้รู้สึกไม่ดี บางครั้งเห็นตนไปอยู่กับนักการเมืองที่ไม่ชอบ ก็เข้ามาคอมเมนต์ด่าโดยไม่แยกแยะว่าจุดประสงค์คือการช่วยเหลือผู้อื่น จนบางทีกันก็ตั้งคำถามกับตัวเองว่า สิ่งที่ทำอยู้เป็นเรื่องที่ดีจริงไหม? ช่วงหลัง กัน จอมพลัง จึงตัดสินใจ ยุติปัญหาด้วยการบอกกับทุกคนว่า “ใครที่ไม่ชอบ บล็อกผมได้เลย”

ช่วงท้ายของรายการ กัน จอมพลัง ได้ตอบคำถามที่ เจนนิเฟอร์ คิ้ม ถามว่า ทำไมต้องมีบอดี้การ์ดข้างกายตลอด? คำตอบของนักบุญใจใหญ่คนนี้ทำเอาอึ้ง เพราะเหตุผลคือ “ทำให้ภรรยาสบายใจ” เนื่องจากบางเคสที่กันเข้ามาช่วย เป็นเรื่องสุ่มเสี่ยง “หมิว ลลิตา” จึงเป็นห่วงว่าสามีจะไม่ปลอดภัย และกังวลมากว่าลูกจะต้องเสียพ่อไปจากเหตุไม่คาดคิด
แฟนสาวของกัน จอมพลัง เลยเอ่ยปากขอให้มีคนช่วยคุ้มกันเวลาไปลงพื้นที่ หลังจากนั้นจะตัดสินใจทำอะไรก็จะไม่ห้าม ซึ่งกันเล่าว่าเงินที่จ้างการ์ดก็มาจากเงินส่วนตัว หรือบางครั้งก็มีอาสาสมัครขอมาช่วยเหลือเอง โดยที่เขาไม่ต้องเป็นฝ่ายร้องขอเลย.
อ้างอิง : Youtube MY CHANNEL – OFFICIAL
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เปิดยอดเงิน “พี่หนุ่ม” บริจาคเข้ามูลนิธิ “กันจอมพลัง” อ่านแชทซึ้งน้ำตาไหล
- กันจอมพลัง ขอทัวร์อย่าลง พ่อแม่ “พีม” เล่าบ้านไม่รวย กู้ส่งเรียนแพงๆ ไม่รู้ชีวิตลูกชั่ว
- หนุ่มร้อง “กัน จอมพลัง” ภรรยาขาดการติดต่อ หลังไปอยู่กับ “น้องหญิง-ท่านพี่”