เผยนาทีชีวิต หญิงสาวยื่นโน้ต SOS รอดแผนลักพาตัวสุดระทึกที่ปั๊มน้ำมันยูทาห์ ผู้ต้องสงสัยคืออดีตคนรัก ล่าสุด ถูกจับกุมข้อหาอุกฉกรรจ์
ณ ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในรัฐยูทาห์ ไม่มีใครล่วงรู้ว่า ภายใต้บรรยากาศอันสงบเงียบนั้น กำลังซ่อนเร้นไว้ซึ่งนาทีชีวิตอันแสนระทึกขวัญ เมื่อหญิงสาวนิรนามผู้หนึ่ง กำลังเผชิญหน้ากับความตายที่คืบคลานเข้ามาอย่างช้า ๆ ทว่าในห้วงวิกฤตนั้นเอง สัญชาตญาณแห่งการเอาชีวิตรอดก็ผลักดันให้เธอกัดฟันเผชิญหน้ากับเพชฌฆาตในคราบคนรัก และพลิกสถานการณ์จากเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย กลายเป็นวีรสตรีผู้กอบกู้ชีวิตตนเองได้อย่างเหลือเชื่อ
เรื่องราวอันน่าเหลือเชื่อนี้ได้รับการยืนยันจากสำนักงานนายอำเภอ ไอเอิร์น เคาน์ตี (Iron County) ที่เปิดเผยต่อสำนักข่าว Fox 13 Utah ว่า เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เอปิ๊กเมนิโอ บัสติลโลส มาร์เกซ (Epigmenio Bustillos Marquez) วัย 53 ปี ถูกจับกุมในข้อหาอุกฉกรรจ์ จากการพยายามลักพาตัวหญิงสาวผู้หนึ่ง แต่แผนการอันชั่วร้ายของเขากลับต้องพังทลายลงอย่างไม่เป็นท่า ด้วยปฏิภาณไหวพริบของเหยื่อ ที่ตัดสินใจเสี่ยงตายยื่นโน้ตขอความช่วยเหลือฉบับ SOS ให้แก่พลเมืองดี ณ ปั๊มน้ำมันเปลี่ยวแห่งนั้น
เข็มนาฬิกาเพิ่งล่วงเลยเวลา 13:30 น. ไปได้ไม่นาน เสียงหวอรถตำรวจก็หวีดร้องกึกก้องไปทั่วบริเวณ ซีดาร์ แบนด์ ทราเวล พลาซา (Cedar Band Travel Plaza) ปั๊มน้ำมันที่ตั้งตระหง่านอยู่ห่างจากเมือง ซีดาร์ ซิตี (Cedar City) ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 7 ไมล์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่งกรูกันไปยังจุดเกิดเหตุ หลังได้รับแจ้งรายงานเหตุการณ์พยายามลักพาตัวอันอุกอาจ
จากข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ได้รับ หญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายได้ตัดสินใจเขียนข้อความขอความช่วยเหลือลงบนเศษกระดาษอย่างเร่งด่วน ก่อนจะเสี่ยงยื่นโน้ตฉบับ SOS นั้นให้แก่พยานผู้ใจดีคนหนึ่ง ณ ปั๊มน้ำมันแห่งนั้น ข้อความในโน้ตเพียงสั้น ๆ แต่กลับทรงพลังและแฝงไว้ด้วยความหวาดกลัวสุดขีด “ฉันกำลังมีปัญหา…ต้องการความช่วยเหลือ!”+
พยานผู้เห็นเหตุการณ์ให้การกับเจ้าหน้าที่สืบสวนว่า เธอเห็นหญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายเดินโซเซขึ้นไปบนรถ เชฟโรเลต อีควิน็อกซ์ (Chevrolet Equinox) สีขาว ป้ายทะเบียนเนวาดา ด้วยความสังหรณ์ใจบางอย่าง พยานตัดสินใจขับรถติดตามรถคันดังกล่าวไปอย่างเงียบ ๆ เมื่อรถเป้าหมายเคลื่อนตัวขึ้นสู่ทางหลวง อินเตอร์สเตต หมายเลข 15 (Interstate 15) และมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือ
ในที่สุด เจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถสกัดรถต้องสงสัยไว้ได้สำเร็จ หลังขับไล่ติดตามมาอย่างกระชั้นชิด เมื่อเข้าไปตรวจสอบภายในรถ เจ้าหน้าที่ก็พบหญิงสาวนิรนามนั่งตัวสั่นเทาอยู่บนเบาะผู้โดยสาร จากการสังเกตการณ์เบื้องต้น เจ้าหน้าที่พบว่าหญิงสาวมีท่าทีหวาดผวา ผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด เมื่อถูกสอบถามให้ลงจากรถ
ส่วนผู้ขับขี่รถคันดังกล่าว ซึ่งต่อมาระบุชื่อคือ มาร์เกซ กลับแสดงท่าทีขัดขืนและให้การวกวน เขาแสดงบัตรประจำตัวจาก ดูรังโก (Durango) ประเทศเม็กซิโก ซึ่งมีชื่อและวันเดือนปีเกิดที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจค้นอย่างละเอียดในกระเป๋าสตางค์ของ มาร์เกซ ก็พบบัตรประจำตัวเม็กซิกันอีกใบ ซึ่งระบุชื่อและวันเดือนปีเกิดที่แท้จริงของเขาอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม แม้หลักฐานจะมัดตัวแน่นหนาเพียงใด มาร์เกซ ก็ยังคงยืนกรานปฏิเสธเสียงแข็งว่าบัตรดังกล่าวไม่ใช่ของเขา
จากการสอบสวนเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับทราบข้อมูลอันน่าตกใจว่า เธอและ มาร์เกซ เคยมีความสัมพันธ์ฉันท์คนรักกันมานานถึง 25 ปี ทว่าระยะหลังมานี้ เธอกลับสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของ มาร์เกซ อย่างชัดเจน เขาเริ่มมีอาการกระวนกระวาย หงุดหงิดง่าย และแสดงท่าทีแปลกประหลาดอยู่เสมอ
ในเช้าวันเกิดเหตุ หญิงสาวเล่าว่า เธอได้ขอให้มาร์เกซ ขับรถไปส่งเธอที่ทำงานตามปกติ แต่เมื่อ มาร์เกซ มารับเธอ เขากลับเริ่มต้นกล่าวหาเธอด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดว่าเธอกำลังนอกใจ จากนั้น แทนที่จะขับรถมุ่งหน้าไปยังที่ทำงานของเธอ มาร์เกซ กลับเบี่ยงเส้นทางและขู่เข็ญว่าจะพาเธอไปยัง ซอลท์เลค ซิตี (Salt Lake City) หรือ เดนเวอร์ (Denver) แทน
เมื่อหญิงสาวพยายามทัดทานและขอลงจากรถ มาร์เกซ กลับข่มขู่เธอด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียมว่า “ถ้าคิดจะหนีลงจากรถตอนนี้ แกตายแน่!” พร้อมกับย้ำว่ารถกำลังวิ่งด้วยความเร็วสูง เท่านั้นยังไม่พอ มาร์เกซ ยังคว้าโทรศัพท์มือถือของเธอไปจากมือ เพื่อตัดขาดเธอจากโลกภายนอก และในที่สุด เขาก็ลงมือทำร้ายร่างกายเธอด้วยการชกเข้าที่ใบหน้าอย่างแรง
จากบันทึกประจำวันของทัณฑสถาน ไอเอิร์น เคาน์ตี ระบุว่า มาร์เกซ ถูกตั้งข้อหาอุกฉกรรจ์ในความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นขั้นร้ายแรง ระดับเฟิร์สดีกรี นอกจากนี้ เขายังถูกแจ้งข้อหาลหุโทษอีกหลายกระทง อาทิ ทำร้ายร่างกายผู้อื่น ให้ข้อมูลเท็จแก่เจ้าพนักงาน รบกวนการใช้อุปกรณ์สื่อสาร ใช้บัตรประจำตัวผู้อื่นโดยมิชอบ และขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่
ในขณะนี้ มาร์เกซ ถูกควบคุมตัวไว้ในทัณฑสถาน ไอเอิร์น เคาน์ตี โดยไม่ได้รับการประกันตัว ระหว่างรอการพิจารณาคดีในการไต่สวนครั้งต่อไป ส่วนหญิงสาวผู้เคราะห์ร้าย ได้รอดพ้นจากเงื้อมมือมัจจุราชมาได้อย่างหวุดหวิด ด้วยปฏิภาณไหวพริบอันน่าทึ่ง และความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว ที่จะจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ของการเอาชีวิตรอดจากสถานการณ์เลวร้ายได้อย่างน่าสรรเสริญ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- 9 เดนทรชน ลักพาตัว-รุมโทรม เด็ก 14 นรก 25 วัน เหยื่อสุดช้ำ ถูกมอมยา บังคับขายตัว
- ต้นสังกัด คิมซูฮยอน โต้ข่าวลือคบเด็ก คิมแซรน เตรียมงัดหลักฐาน แถลงสัปดาห์หน้า
- Rae Lil Black เปิดใจ รับอิสลามจริงไหม หลังโดนแซะแต่งเอาคอนเทนต์
อ้างอิง : KSL News Utah, Yahoo!news
ข่าวล่าสุด
