ข่าว

ปริศนาเลือดในห้องขัง “ผกก.โจ้” สอบนักโทษห้องติดกัน เตรียมจำลองเหตุสลด

ผบก.น.2 เผยปมเลือดที่พื้นห้องขัง อดีตผู้กำกับโจ้ มีปากเสียงหลังพูดคุยกับครอบครัวที่เข้าไปเยี่ยม เป็นแรงกดดันให้จบชีวิตหรือไม่ ตำรวจเตรียมจำลองเหตุในเรือนจำ เน้นย้ำให้ศพเล่าเรื่อง เผยความผิด พ.ร.บ.อุ้มหาย

ความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตของพ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ “อดีตผกก.โจ้” ผู้ต้องหาในเรือนจำกลางคลองเปรม ตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ขึ้นอีกครั้งทันที แม้ปัจจุบันจะมีการยืนกรานจากฝั่งของกรมราชทัณฑ์ ด้วยการเปิดภาพห้องขังเบอร์ 50 อดีตนายตำรวจหนุ่มไฟแรง ซึ่งจากแถลงของกรมคุกระบุ สาเหตุมาจากการแขวนคอจบชีวิตตัวเองลงในเรือนจำ แดน 5 เมื่อ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา

กรมราชทัณฑ์ มีการเปิดเรือนจำห้องขังหมายเลข 50 ตึกนอนแดน 5 ภายในเรือนจำคลองเปรม ของอดีต ผกก.โจ้ ให้นักข่าวเข้าไปสำรวจ รวมถึงห้องใกล้เคียงด้วย ซึ่งจะเป็นห้องเกือบสุดทาง เปิดประตูเข้าไปจะพบว่ามีข้าวของเครื่องใช้ของอดีต ผกก.โจ้ วางอยู่ปกติ มีผ้าห่ม 2 ผืน รองเท้า 1 คู่ สบู่ ยาสีฟัน ซึ่งยังไม่มีการเก็บของอดีต ผกก.โจ้ ออกไป โดยให้สังเกตการณ์ได้เพียงหน้าประตูเท่านั้น ส่วนจุดที่ ผกก.โจ้ ก่อเหตุบริเวณโครงเหล็กของประตูที่อยู่ด้านใน

ภาพห้องขังผกก โจ้
แฟ้มภาพ @ไทยรัฐ

ด้าน น้องสาวผู้กำกับโจ้ ออกมาให้สัมภาษณ์กับลุยชนข่าวในหลายประเด็น หลังวันสวดพระอภิธรรมเป็นคืนที่ 2 วานนี้ (11 มี.ค.) โดยชี้แจงเรื่องที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหกลือเหยื่อาชญากรรมพาดพิงว่าเธอเข้าไปเยี่ยมพี่ชายวันสุดท้ายก่อนเสียชีวิตว่าวันนั้นเกิดปากเสียงกันรุนแรง ยืนยันไม่ใช่ตัวเธอแน่นอน เพราะคนที่ไปเยี่ยมวันสุดท้าย 7 มี.ค.68 เป็นแฟนสาวของอดีตผู้กำกับโจ้

ส่วนเรื่องรถยนต์มูลค่ามหาศาลของผกก.โจ้ถูกนำไปขาย น้องสาวตอบว่าไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อน

ผู้กำกับโจ้วันนี้ รายการลุยชนข่าวเปิดเรื่องน้องสาว
ภาพ @ลุยชนข่าว เทป 11 มี.ค.2568
อดีตผู้กำกับโจ้ สมัยมีข่าวไปช่วยตายายในพื้นที่ขึ้นโรงพักแจ้งคดี
แฟ้มภาพ

ฟังมุม ผบก.น.2 ตอบข้อสงสัยเลือดในห้องขัง ผกก.โจ้

เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.ต.ต.เจษฎา สวยสม ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 ได้ไปร่วมหารือกับเจ้าหน้าที่เรือนจำกลางคลองเปรม รวมถึงยังได้เร่งรัดการสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องภายในเรือนจำทั้งหมด ไล่ตั้งแต่

  • ผู้คุมแดน 5 -แดน 7
  • ผู้ดูแล
  • แพทย์
  • เจ้าหน้าที่เวชระเบียน
  • ผู้ต้องขังที่เห็นเหตุการณ์และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

สำหรับเช้าที่ผ่านมาอ้างรายงานจากสำนักข่าวไทยระบุ มีการสอบปากคำพยานไปแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปาก เป็นเจ้าหน้าที่ผู้คุมและผู้ต้องขังห้องใกล้เคียง แต่รายละเอียดอยู่ในสำนวน

นอกจากนี้ยังได้ยกเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดต้นฉบับทั้งหมดของเรือนจำ ที่ครอบคลุมตั้งแต่ก่อนวันเกิดเหตุจนถึงวันเกิดเหตุ ซึ่งแพ็คเรียบร้อยอยู่ในสภาพเดิมที่กรมราชทัณฑ์ส่งมา ส่งไปให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบว่ามีการแก้ไขดัดแปลงหรือตัดต่อกล้องวงจรปิดหรือไม่ คาดตรงจุดนี้อาจจะต้องใช้ระยะเวลาอีกสักระยะ

ส่วนกรณีคราบเลือดต้องสงสัยบนพื้นห้องขังนั้น เจ้าหน้าที่ได้เปรียบเทียบกล้องวงจรปิดและภาพนิ่งทั้งก่อนและหลังการชันสูตรพลิกศพอดีตนายตำรวจแล้วพบว่า “เป็นคราบเลือด” ที่เกิดขึ้นในขณะพลิกร่างตอนชันสูตรศพในเบื้องต้น เนื่องจากก่อนที่จะตรวจศพไม่พบคราบเลือดที่พื้นแต่มาพบหลังชันสูตรแล้ว

อีกทั้งผลตรวจสอบออกมาแล้วว่า “ไม่ใช่เลือดสด” แต่เป็นของเหลวที่ไหลออกมาหลังการเสียชีวิตจากบาดแผลสัตว์กัดแทะและไปเปื้อนพื้นห้องขัง แต่รายละเอียดประเด็นเลือดต้องรอผลทางนิติวิทยาศาสตร์อีกครั้ง

มีปากเสียงหลังพูดคุยกับครอบครัวที่เข้าไปเยี่ยม เป็นแรงกดดันให้จบชีวิตหรือไม่ ?

สำหรับประเด็นที่สังคมสนใจว่า ผกก.โจ้ มีปากเสียงหลังพูดคุยกับครอบครัวที่เข้าไปเยี่ยมจนอาจเป็นแรงกดดันทำให้จบชีวิตตนเองหรือไม่นั้น

เบื้องต้นจากการสอบปากคำพยานในขณะนี้ พล.ต.ต.เจษฎา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 ระบุว่ายังไม่พบความขัดแย้งหรือปัญหาในครอบครัวของผกก.โจ้ อย่างไรก็ตามต้องรอรายงานผลสอบปากคำพยานทั้งหมดก่อน

ส่วนภาพวงจรปิดและคลิปบันทึกการสนทนาระหว่างเยี่ยมญาติ ตำรวจประสานขอจากเรือนจำไปแล้วซึ่งถือเป็นวัตถุพยานที่จะต้องนำมาตรวจสอบทั้งหมด

กล้องวงจรปิด ผกกโจ้ เสียชีวิต
แฟ้มภาพ @honekrasaeofficial

อย่างไรก็ดี พล.ต.ต.เจษฎา ระบุจะต้องเข้าไปจำลองเหตุภายในเรือนจำควบคู่กันไป เน้นย้ำว่าการสืบสวนครั้งนี้ “ต้องให้ศพเล่าเรื่อง” เพราะหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ไม่โกหก ซึ่งสำนวนการชันสูตรพลิกศพภายใน 30 วันจะต้องมีความชัดเจนว่าสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากอะไรหรือใครทำให้ตาย และจะต้องดูเจตนาผลกระทบที่อาจส่งผลต่อการเสียชีวิตด้วย ซึ่งตำรวจก็ติดตามกระแสข่าวและข้อสงสัยต่างๆ ที่ปรากฎในโซเชียลมีเดียอยู่ตลอด ยืนยันว่าสืบสวนในทุกประเด็นมากกว่าที่สังคมสงสัยแน่นอน

นอกจากนี้ พล.ต.ต.เจษฎา ยังยืนยันด้วยว่าความผิดตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ นั้น แม้ว่าจะเป็นการฆ่าตัวตาย แต่หากถูกกดดันจากภายนอก ลดคุณค่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หรือกระทบสิทธิเสรีภาพของบุคคล ก็เข้าข่ายความผิดแล้ว โดยไม่จำเป็นต้องลงมือทำร้ายร่างกาย

ส่วนการแจ้งข้อหาเป็นเรื่องของ “อัยการ” หรือคณะอนุกรรมการกลั่นกรองข้อเท็จจริงกรณีการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย

สำหรับประเด็นที่จะเอาผิดเรื่องการทำลายพยานหลักฐานจากการนำศพลงมาจากผ้าหรือไม่นั้น ผบก.น.2 ทิ้งท้ายว่าต้องไปสอบสวนและดูที่เจตนาเป็นหลักกันอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง.

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Pachara

นักเขียนประจำที่ Thaiger จบการศึกษาด้านศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เคยผ่านประสบการณ์ผู้สื่อข่าวกีฬา เริ่มเขียนบทความกับ Thaiger ตั้งแต่ปี 2021 วิ่งกับการอ่านหนังสือ คือ กิจกรรมที่สนใจเป็นพิเศษ ช่องทางติดต่อ pachara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button