สรวงศ์ ยันไทยพร้อมจัด “MotoGP” ควบคู่ “F1” ยืนยันเรื่องนี้ทำอย่างเต็มที่

สรวงศ์ เทียนทอง ยืนยันไทยพร้อมจัด MotoGP ควบคู่กับ F1 ชี้หากไม่ต่อสัญญาไทยเสียผลประโยชน์ ยืนยันเรื่องนี้รัฐบาลทำอย่างเต็มี่
นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีความคืบหน้าการต่อสัญญา การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือ MotoGP ว่า เรื่องของตัวเลขมีความชัดเจนว่าภาครัฐให้การสนับสนุนมากขึ้นทุกปี
โดยเรื่องกีฬาแบ่งเป็น 2 อย่างคือ 1.กีฬาเพื่อความเป็นเลิศ คือเด็กและเยาวชน ที่เป็นนักกีฬาทีมชาติ 2.กีฬาอาชีพ เช่น มอเตอร์สปอร์ต หรือกีฬาประเภทใดก็แล้วแต่ที่ทำอาชีพ ดังนั้น หากภาครัฐคิดจะช่วยในการตั้งไข่จัดกิจกรรมต่างๆ ได้ และร่วมงานกับภาคเอกชน
เรื่อง MotoGP ตลอด 7 ปีที่ผ่านมาที่ไทยจัดการแข่งขัน โดยภาพรวมแล้วคนไทยได้ประโยชน์ แต่สิ่งที่รัฐบาลต้องดำเนินการขณะนี้ ซึ่งมีเวลาการเจรจากับบริษัทดอร์น่า สปอร์ต เจ้าของลิขสิทธิ์ MotoGP เขาก็รอให้เราเจรจา และจะเริ่มในเร็วๆ นี้
เราต้องการจะต่อสัญญาอีก 5 ปีเหมือนครั้งที่แล้ว และจะมีสิทธิประโยชน์หรือเอื้อประโยชน์ให้กับทางไทยได้หรือไม่ ในฐานะที่ภาครัฐให้การสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ต้องไปพูดคุยกับภาคเอกชน ในการช่วยสนับสนุนเพิ่มเติม เพื่อให้ภาครัฐเบาภาระลงไป
เมื่อถามว่ามีข้อมูลอะไรที่ต้องการเพื่อไปเจรจาหรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ทุกอย่างต้องเจรจาทั้งหมด โดยเฉพาะเราเป็นลูกค้าเดิม และทำสัญญากับบริษัทดอร์น่า สปอร์ต มาตลอด หากเราจะต่อสัญญา ทุกครั้งก็ต้องมีการพูดคุย
หากไม่พูดคุย อาจทำให้ประเทศเสียผลประโยชน์ เช่นเรื่องสิทธิประโยชน์ การลดค่าลิขสิทธิ์ โดยเฉพาะจากเดิมที่เพิ่มขึ้นปีละ 5% สิ่งเหล่านี้ต้องผ่านการพูดคุยในช่วงต่อสัญญา ยืนยันว่าการจัดอีเว้นต์แบบนี้ จะทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศไทยได้จริง
นายสรวงศ์กล่าวอีกด้วยว่า ขออย่าไปแยกระหว่างการจัดการแข่งขันรถสูตร 1 หรือ F1 กับ MotoGP ว่าเป็นคนละตลาดกัน ตนมองว่าหากจัดควบคู่กันได้จะเป็นเรื่องที่ดีมาก ซึ่งประเทศไทยมีความพร้อมที่จะจัดทั้ง 2 อย่าง และมีนักแข่งไทย ใช้ธงชาติไทย แข่งขันอยู่ในฟอร์มูลาวัน ก่อนที่นายสมเกียรติ จันทรา หรือ “ก้อง สมเกียรติ” จะลงแข่งขันใน MotoGP ซึ่งจริงๆ เรื่องนี้ไม่ไกลเกินฝันสําหรับคนไทย
นายสรวงศ์ กล่าวว่า หากต่อสัญญา MotoGP จะเป็นผลดีต่อประเทศไทย หากไม่ต่อสัญญา จะเสียผลประโยชน์ด้วยซ้ำ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ต้องคุยในรายละเอียด ตนและนายกณ มีความประสงค์ที่จะต่อสัญญา แต่ช่วงนี้อยู่ระหว่างการพูดคุย ซึ่งการต่อสัญญาจะยังคงใช้ในสนามแข่งขันเดิมที่ จ.บุรีรัมย์ เพราะมีสนามเดียวในไทย
เมื่อถามว่าเวลาที่เหลืออยู่ 1 ปี บริษัทดอร์น่า สปอร์ต จะยังรอการตอบรับจากไทยใช่หรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ยืนยันว่ายังคงรออยู่ ขณะนี้การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) กำลังพูดคุยอยู่ โดยตนมอบหมายให้รองผู้ว่า กกท.ไปพูดคุยเบื้องต้น และตนจะไปพูดคุยกับบริษัทดอร์น่า สปอร์ต และภาคเอกชนด้วย เพื่อดูว่ามีอะไรสนับสนุนภาครัฐได้บ้าง เพราะตลอด 7 ปีที่ผ่านมา มีผู้รับประโยชน์และประสบความสำเร็จในการแข่งขัน MotoGP ที่สามารถดึงลูกค้ามาได้เยอะพอสมควร
เมื่อถามว่าไม่เกี่ยวข้องกับคนใหญ่คนโตใน จ.บุรีรัมย์ ใช่หรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวด้วยนํ้าเสียงหนักแน่นว่า ไม่เกี่ยว ความจริงต้องขอบคุณท่านด้วยซํ้า เพราะเป็นบุคคลตัวตั้งตัวตีที่นำ MotoGP เข้ามาในไทย และก่อให้เกิดประโยชน์มหาศาล แต่ด้วยข้อจำกัดที่ประเทศไทย ได้รับมาตรฐานความปลอดภัยของ FIM เพียงสนามเดียว หากจะทำสนามใหม่หรือทําเพิ่ม ต้องพูดคุยกันอีกระยะยาว
เมื่อถามว่าหากต่อสัญญา คาดว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดเท่าไหร่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ตัวผู้จัดการแข่งขันและภาครัฐ ไม่ได้คำนึงถึงกำไร เพราะหากดูในหลายประเทศที่จัดการแข่งขัน ภาครัฐจะไม่ได้กำไรในตัวเอง แต่ภาพรวมจะเกิดเม็ดเงินสะพัด อย่างการแข่งขัน MotoGP 1 รายการ จะเกิดเม็ดเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 5-6 พันล้านบาท
แต่ทั้งหมดนี้ต้องเกิดการพูดคุย คาดว่าจะภายใน 1-2 เดือน ซึ่งปีนี้โชคดี ที่ไทยได้รับเกียรติเป็นสนามเปิดการแข่งขัน จะสังเกตได้ว่าปีนี้มีกิจกรรมในกรุงเทพฯ ค่อนข้างเยอะ ทั้งการเปิดตัว การจองบัตร
นายสรวงศ์ กล่าวว่า เรื่องนี้รัฐบาลจะทำอย่างเต็มที่ ให้การแข่งขัน MotoGP ยังอยู่คู่กับคนไทย และจะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด กับคนไทยทุกคน ขอให้มั่นใจได้ เพราะตนก็เป็นแฟนมอเตอร์สปอร์ตคนหนึ่ง ที่ยังอยากจะมีรายการนี้ในประเทศไทย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ยังได้ลุ้น! นายกอิ๊งค์ฯ ยังไม่ปิดม่าน จัด MotoGP ในไทย ตอนนี้ยังเจรจากันอยู่
- เนวิน สาดวาทะเดือด เทียบ F1 เหมือนหมามองเครื่องบิน สยองแทนคนจัด
- เคาะเสนอ ย่านจตุจักร จัดแข่งขันรถสูตรหนึ่ง F1 ตั้งเป้าปี 2570