ข่าว

ประวัติ ยุทธ อดีตผู้คุมออกโหนกระแส ดูนักโทษ 33 ปี เจอสีกากีมากสุด ก่อนเล่าชีวิตข้างใน

ยุทธ บางขวาง เผยประวัติมีวันนี้เพราะงานราชทัณฑ์ 33 ปี 1 เดือน 10 วัน จากจุดเริ่มต้นในชีวิตราชการ ได้ทำงานในสถานที่ที่ไม่มีใครอยากเข้า หน้าที่ซึ่งน้อยคนจะได้สัมผัส

เชื่อว่าวันนี้ (10 มี.ค.) คนดูทางบ้านน่าจะคุ้นหน้าและชื่อของ “พี่ยุทธ บางขวาง” หรือ อรรถยุทธ พวงสุวรรณ อดีตเจ้าหน้าที่ดูแลนักโทษของกรมราชทัณฑ์ ซึ่งมาพูดคุยถึงเรื่องคดีการเสียชีวิตของอดีตผู้กำกับโจ้ นายธิติสรรค์ อุทธนผล ที่ได้จบชีวิตตัวเองลงเมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมาโดยในรายการ หนุ่ม กรรชัย ถือโอกาสสอบถามบทบาทการทำหน้าที่ “พี่เลี้ยงนักโทษ” หน้าที่ข้าราชการที่ปฏิบัตมานานถึง 33 ปี 1 เดือน กับอีก 10 วัน

“อย่างเขาดื้ออยู่ในเรือนจำ (นักโทษ) พี่ตีไหม” สิ้นเสียงซักถามดังกล่าวจากกรรชัย

ฝั่งของพี่ยุทธ แขกรับเชิญระบุ ตามกฎห้ามตีอยู่แล้ว จากนั้นตอบแบ่งกึ่งรับกึ่งสู้โดยเริ่มจากประนมมือไหว้ พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร อดีตนายตำรวจมือปราบก่อนจะเปิดเผยข้อมูลว่า สมัยที่ตนทำหน้าที่เจ้าหน้าที่ดูแลผู้ต้องขังอยู่ในเรือนจำนั้น หน่วยงานที่เข้ามาติดคุกติดตารางมากที่สุด คือ “ตำรวจ”

พี่ยุทธให้เหตุผลต่อว่า เนื่องจากเป็นอาชีพที่ต้องคลุกคลีและอยู่ใกล้กับอาชญกรรมต่างๆ มาก ในนั้นแขกรับเชิญแจกแจงว่ามีทุกชั้นยศ ยศนายพลก็มี ถึงพลตำรวจโท เวลามีนักโทษเข้าไปในนั้น ตนเป็นผู้คุมก็เป็นข้าราชการ ต่างฝ่ายต่างทราบกันดีว่าเป็นราชการด้วยกัน ถ้าไม่ได้ทำผิดทำอะไรจริงๆ ไมีมการรังแกกัน

“ใครจะไปตีครับ ตัวเขาเอง ทุกคนก็รู้เพื่อนเขาเป็นรัฐมนตรี บางคนเป็นเพื่อนกับนายกฯ ด้วยซ้ำ ตามกฏห้ามตีอยู่แล้ว” ยุทธ บางขวาง ย้ำด้วยว่ายิ่งยศสูงๆ แล้วมาเป็นนักโทษ “ยิ่งคุยง่าย” เท่าที่ตนเจอจะมีวุฒิภาวะ มีความเป็นผู้ใหญ่น้อยมากจะมาเกเรมในคุก แต่ถ้ามีก็ต้องลงโทษตามวินัย

อย่างไรก็ดีประเด็นชีวิตในเรือนจำ พล.ต.ท.เรวัช ในฐานะอดีตคนวงในสีกากีที่คลุกคลีด้านนี้มาไม่น้อยเช่นกัน เน้นเสียงดังในคุกมีขาใหญ่อยู่แล้วและการทำโทษผู้ต้องขังที่อยู่ภายในทัณฑสถาน ผู้คุมจะไม่ใช่คนลงมือเอง แต่จะบอกลูกน้องขาใหญ่จัดให้หน่อย ซึ่งเรื่องนี้พี่ยุทธโต้ว่า “ยาก” เพราะนักโทษก็มีคนของเขาอยู่

มีเรื่องกับผู้คุมตายไปครึ่งตัว กรรชัยถามมีไล่ตีเหมือนในหนังไหม ?

ในรายการโหนกระแสช่วงหนึ่งมีการตั้งข้อสงสัยถึงชีวิตควงามเป็นอยู่ข้างในจริงๆ นั้นต้องเชผิญอับอะไรบ้าง ? ช่วงหนึ่งผู้ดำเนินรายการถาม นายอรรถยุทธ หรือ “พี่ยุทธ” ซึ่งเจ้าตัวยืนกรรานต่อให้เป็นนักโทษไม่มีญาติก็ยังสามารถร้องเรียนได้ หากถูกทำร้ายหรือกลั่นแกล้ง

แม้ตอนนี้ไม่ได้เป็นผู้คุมแล้ว แต่พี่ยุทธย้ำว่า ปัจจุบันที่ทราบมาราชทัณฑ์ได้เน้นระบบความรุนแรงจะห้ามเลย เน้นเป็นพิเศษ ฝากนักโทษไปทำร้ายกันก็ยาก เพราะทุกจุดในเรือนจำมีกล้องวงจรปิดหมด-ในห้องนอนก็มี แต่เรื่องใช้กระบองตีที่คนทั้งในสตูดิโอสงสัย อีกฝ่ายสารภาพต้องมีปรามกันบ้าง เพราะเหตุทะเลาะวิวาท ให้ไปพูดดีๆ ว่า หยุดนะ อย่าตีกัน คงไม่มีใครหยุด

เรวัชวันนี้ โหนกระแส
@honekrasaeofficial
จนท ตอนเกิดเรื่อง
ภาพ @honekrasaeofficial

ส่วนกรณีของผู้กำกับโจ้ พี่ยุทธกล่าวจากการวิเคราะห์โดยอกตัวก่อนว่าตัวเองไม่ได้ไปเห็นสถานที่จริงอาศัยประสบการณ์ที่เคยทำงานในราชทัณฑ์มาพูดคุยเพื่อเป็นประโยชน์ โดยข้อสงสัยเรื่องผู้คุมที่ไปเจอตอนเกิดเหตุ ทำไมดูไม่ตกใจหรือรีบวิ่งไปหยิบกุญแจมาไข พี่ยุทธอธิบายทีแรกตอนที่เห็นอาจยังไม่แน่ใจว่าเป็นเหตุสลด แต่พอแน่ใจจะเห็นผู้คุมไปวิทยุหรือแจ้งภายในแล้ว กุญแจตรงที่เกิดเหตุมไม่มีแน่นอน กุญแจจะไปอยู่ที่เก็บตึก เวรเก็บตึกจะนำไปมอบพัศดีเวร จากนั้นจะนำไปให้ เวรผู้ใหญ่เก็บเข้ากล่องล็อกหลายชั้น ง่ายๆ โดยสถานที่เก็บกุญแจห้องขังนั้นจะอยู่นอกแดนออกไปเลย

ยุทธ บางขวาง ยังกล่าวถึงคดีผกก.โจ้ ตอนที่ผู้คุมสอดมือเข้าไปตัดผ้านั้นถือว่า “ทำผิดพลาด” เนื่องจากเจอแบบนี้สมัยที่ตนทำหน้าที่ดูแลนักโทษขังเดี่ยวจิตเวช เข้าเวรเที่ยงคืนถึงตี 3 มาเข้าเวรมองไปที่ห้องขัง เห็นยืนพิงปรากฏใช้คุกเข่ากับลูกกรงแล้วทิ้งตัว พยายามจะดึงยกขึ้น บอกคู่เวรให้เอามีดดมาตัด รุ่นพี่บอกอย่าตัด ถ้าล้มไปจะเป็นแผล เกิดกระแทกพื้นหัวแตกก็จะเข้าข่ายทำร้ายแรงกาย

“เกิดกระแทกพื้นหัวแตก ซวยอีก ต้องวิทยุให้เอากุญแจมาไข กว่ากุญแจจะมา 10 กว่านาที ผู้ต้องขังไปแล้ว”

อย่างไรก็ดีประเด็นเข้าให้ความข่วยเหลือนักโทษที่ทำร้ายตัวเองนี้ ค่อนข้างเป็นประเด็นคาบเเกี่ยวเพราะทาง พ.ต.ท.เรวัช ยืนกรานต้องช่วยคนก่อน เรื่องบาดแผลนิติเวชจะไปพิสูจน์ได้อยู่แล้ว

ขณะเดียวกัน รองเรวัช กล่าวว่าดูจากนิสัยของผกก.โจ้ ไม่ใช่พวกกล้าเป็นกล้าตาย นิสัยออกเป็นไฮโซด้วยซ้ำ ติดคุก 3 ปีกว่า พฤติกรรมนิ่งแล้วด้วยซ้ำ หากเป็นกรณีจบชีวิตตัวเองแบบนี้รอไว้ตอนไปยึดทรัพย์อะไรตรงนั้นก็ว่ากันไป แต่มาเป็นจังหวะนี้จึงมีข้อเคลือบแคลงมากมายอย่างเลี่ยงไม่ได้

กล้องวงจรปิด ผกกโจ้ เสียชีวิต
@honekrasaeofficial

ทั้งนี้ กรรชัย พยายามจระสรุปเพื่อให้เป็นประโยชน์ในการพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงว่าเป็นการทำให้เสียชีวิตหรือจงใจทำร้ายตัวเองแน่ พิธีกรดังจึงเปิดเผยถึงตอนที่จนท.ไปพบ อดีตผู้กำกับโจ้ลักษณะนั่งเหยียดขาตรงแล้วทิ้งตัวลงมา เมื่อถามว่าห้องขังเบอร์ 50 ทำไม โจ้ ถึงต้องนอนคนเดียว พี่ยุทธตอบว่าเพราะการขังเดี่ยว มี 3 ประเภท

  1. ทำควรามผิด
  2. จิตเวช
  3. ร้องขอ

ซึ่งกรณีของผกก.โจ้ เป็นในกรณีหลังสุด

เมื่อถามว่าในห้องขังมีกล้องวงจรปิดหรือไม่ ? นายยุทธ อดีตผู้คุมยืนยันสมัยที่ตนทำงานมาก็มีแล้ว

ขณะที่ รองเรวัช โต้แย้งกรณีขังเดี่ยวอดีตผกก.โจ้ คำให้การของญาติกับราชทัณฑ์ไม่สอดคล้องกัน โดยญาติระบุไม่ได้ร้องขอ และมีประเด็นไปแจ้งความร้องทุกข์ว่า ผู้คุมทำร้ายร่างกาย ซึ่งตัวผู้ใหญ่น่าจะหมายถึงผู้บัญชาการ ไปเคลียร์ให้ถอนเรื่องนะ ถ้าไม่ถอน อยู่ในเรือนจำเหมือนหนูขังอยู่ในกรงก็เลยต้องถอนเรื่อง

เปิดประวัติ อรรถยุทธ พวงสุวรรณ อดีตผู้คุมนักโทษ กรมราชทัณฑ์

ก่อนหน้านี้ พี่ยุทธ อดีตผู้คุมนักโทษ เคยโพสต์เฟซบุ๊ก @อรรถยุทธ พวงสุวรรณ เล่าถึงการทำงานในหน้าที่ผู้คุมของราชทัณฑ์วันสุดท้าย 30 ก.ค.2564 โดยระบุ ผมขอใส่หัวโขนวันนี้เป็นวันสุดท้าย ต่อไปก็จะเป็นประชาชนธรรมดา เป็นนายตัวเอง สามารถแสดงความคิดเห็นและความชอบได้เต็มที่ ไม่ต้องอยู่ภายใต้อำนาจของใคร ผมมีวันนี้เพราะงานราชทัณฑ์ โดยเฉพาะเรือนจำกลางบางขวาง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นในชีวิตราชการของผม

ผมรักในงานราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นงานปิดทองหลังพระ ได้ทำงานในสถานที่ที่ไม่มีใครอยากเข้า ได้ทำหน้าที่ซึ่งน้อยคนจะได้สัมผัส ได้เป็นตัวแทนของคนทั้งประเทศในบทลงโทษที่ประเทศไทยยังต้องมีต่อไป เมื่อถึงจุดอิ่มตัว มีงานอื่นรองรับ มีงานที่ไม่ต้องอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของใคร ผมก็จำเป็นต้องลาจาก ถึงแม้ใจจะยังผูกพันอยู่กับงานราชทัณฑ์ก็ตาม แต่ถึงผมจะลาจากมาแล้ว ผมก็จะไม่ทิ้งความรักที่มีต่อราชทัณฑ์ จะขอช่วยงานราชทัณฑ์ในทางตรงและทางอ้อมทุกทาง เพื่อให้คนได้หวั่นเกรงการทำผิดกฎหมาย คนชั่วกลับตัวเป็นคนดี สังคมจะได้น่าอยู่ยิ่งขึ้น

  • 33 ปี 1 เดือน 10 วัน ในชีวิตราชการสังกัดกรมราชทัณฑ์
  • 1 ปี กับชีวิตพลทหารกองประจำการ
  • วันทวีคูณอีกเล็กน้อยในการประกาศกฎอัยการศึก ช่วงหิวอำนาจของรัฐบาลทหาร

บำนาญที่ได้รับถึงแม้จะไม่มากนัก แต่ก็คงพอเลี้ยงชีพได้ บวกกับงานอื่นที่จะทำ ชีวิตคงไม่ลำบากอะไร จะไปไหนก็ได้ ไม่ต้องลา ไม่ต้องขออนุญาต มีโอกาสได้เที่ยว ได้พักผ่อน โดยไม่ต้องรอวันเกษียณ ซึ่งไม่รู้ว่าตอนนั้นสุขภาพผมจะเป็นอย่างไร
ชีวิตราชการของผมผ่านมาแทบทุกรูปแบบ เคยถูกสอบสวน ถูกย้ายด่วน ถูกให้ออกไว้ก่อน แม้กระทั่งถูกไล่ออก แต่ก็สู้คดีจนชนะกลับมาได้ ซึ่งช่วงที่ต่อสู้อยู่นั้น ก็ได้ทำงานเอกชนในบริษัทที่มีชื่อเสียง สามารถสร้างผลงานและชื่อเสียงได้ในระดับหนึ่ง จนมีงานอีกหลายที่ติดต่อชักชวนให้ไปร่วมงานด้วย แต่ผมตัดสินใจกลับมารับราชการเมื่อผมชนะข้อหาต่างๆแล้ว เพราะผมรักในงานราชทัณฑ์ จนมาถึงวันนี้จำต้องตัดใจลาจาก เนื่องจากมีงานอื่นที่ดีรองรับ โดยไม่ต้องอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของ รบ.สต. อีกต่อไป

ขออำนาจเจ้าพ่อเจตคุปย์ ได้โปรดดลบันดาลให้เพื่อนข้าราชการราชทัณฑ์ทุกท่าน ทุกระดับ จงมีความก้าวหน้าในอาชีพราชการ ทำงานปิดทองหลังพระด้วยความอดทน มุ่งมั่น ซื่อสัตย์สุจริต มีความยุติธรรม เพื่อคืนคนดีสู่สังคมให้ได้ ต่อไปครับ
หมายเหตุ…ไม่ขอตอบคำถามใครทั้งนั้น ว่าทำไม อย่างไร หรือเพราะอะไรนะครับ.

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Pachara

นักเขียนประจำที่ Thaiger จบการศึกษาด้านศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เคยผ่านประสบการณ์ผู้สื่อข่าวกีฬา เริ่มเขียนบทความกับ Thaiger ตั้งแต่ปี 2021 วิ่งกับการอ่านหนังสือ คือ กิจกรรมที่สนใจเป็นพิเศษ ช่องทางติดต่อ pachara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button