ข่าว

จำคุก 4 ปี ไม่รอลงอาญา มือเผาป่าพิษณุโลก เจอค่าปรับอ่วม 133 ล้าน

ศาลพิษณุโลกสั่งคุก 4 ปี มือเผาป่า ปรับ 133 ล้านบาท ไม่รอลงอาญา คดีทำลายป่าสงวน 2 พันไร่

สร้างความเด็ดขาดให้เห็นเป็นเยี่ยงอย่าง ศาลจังหวัดพิษณุโลก พิพากษาลงโทษจำคุก 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา แก่ผู้ต้องหา คดีเผาป่าในจังหวัดพิษณุโลก พร้อมสั่งปรับอีกกว่า 133 ล้านบาท และดอกเบี้ยอีกร้อยละ 5 ต่อปี โดยคดีถึงที่สุดแล้ว ไม่มีการอุทธรณ์

คำพิพากษาดังกล่าว สืบเนื่องจากเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2567 เจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาน้อย – เขาประดู่ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 (พิษณุโลก) ได้จับกุมผู้กระทำผิดรายหนึ่ง ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าสองฝั่งลำน้ำแควน้อย และเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาน้อย-เขาประดู่ บริเวณบ้านไร่สุขสมบูรณ์ หมู่ที่ 10 ตำบลบ้านยาง อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก

จากการตรวจสอบ พบว่าผู้ต้องหาได้กระทำการแผ้วถาง ตัดฟันต้นไม้ และจุดไฟเผาป่าเบญจพรรณผสมเต็งรัง ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าและอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติและเขตห้ามล่าสัตว์ป่า เป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้ป่าเป็นบริเวณกว้างถึง 2,166.02 ไร่ การกระทำดังกล่าวสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คิดเป็นมูลค่าความเสียหายทางสิ่งแวดล้อมสูงถึง 133,237,390 บาท

การกระทำของผู้ต้องหา ไม่เพียงแต่ทำลายพื้นที่ป่าอันอุดมสมบูรณ์ แต่ยังส่งผลกระทบต่อสัตว์ป่า และระบบนิเวศภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติและเขตห้ามล่าสัตว์ป่าอีกด้วย เจ้าหน้าที่พนักงานจึงได้รวบรวมหลักฐานดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

ต่อมา อัยการจังหวัดพิษณุโลก ได้ยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดพิษณุโลก ในคดีหมายเลขดำ ที่ สวอ 29/2567 ในข้อหาความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484, พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562

กระทั่งวันที่ 22 สิงหาคม 2567 ศาลจังหวัดพิษณุโลก ได้มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่ สวอ 21/2567 ตัดสินให้จำเลยมีความผิดตามกฎหมายดังกล่าวข้างต้น โดยพิเคราะห์แล้วเห็นว่าการกระทำของจำเลยส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้ของชาติอย่างกว้างขวาง ถือเป็นพฤติการณ์ร้ายแรง แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งแล้ว แต่ศาลก็ไม่เห็นสมควรรอการลงโทษ

จำคุก 4 ปีจริง ไม่รอลงอาญา มือเผาป่าพิษณุโลก

บทลงโทษสถานหนัก ที่จำเลยได้รับ

  • จำคุก 4 ปี (ลดโทษจาก 8 ปี เนื่องจากรับสารภาพ) โดยไม่รอลงอาญา
  • ปรับชดใช้ค่าเสียหายทางสิ่งแวดล้อม เป็นเงิน 133,237,390 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 6 พฤษภาคม 2567 จนกว่าจะชำระเสร็จสิ้นให้แก่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
  • ขับไล่จำเลยและบริวาร ออกจากเขตป่าสงวนแห่งชาติ ภายใน 30 วัน หลังคดีถึงที่สุด
  • ริบของกลางทั้งหมด

คำพิพากษาครั้งนี้ ถือเป็นอุทาหรณ์สำคัญแก่ผู้ที่คิดจะกระทำผิดในลักษณะเดียวกัน แสดงให้เห็นว่ากฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์ และพร้อมลงโทษผู้ที่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติอย่างจริงจัง เพื่อปกป้องรักษาผืนป่าและสิ่งแวดล้อมของประเทศให้คงอยู่ต่อไป

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ้างอิง : สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 (พิษณุโลก)

Thosapol

นักเขียนบทความที่ Thaiger จบการศึกษาจากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เชี่ยวชาญเรื่องบทความท่องเที่ยว บันเทิง ไลฟ์สไตล์ ผ่านการค้นหาข้อมูลโดยละเอียดพร้อมด้วยประสบการณ์ตรงของตัวเอง งานอดิเรกมีความสนใจในกระแสข่าวรอบตัวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ สังคม การเมือง และที่สำคัญคือเป็นทาสแมวร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ ช่องทางติดต่อ thospol@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button