ศาลฎีกาสั่งส.บอล ชดใช้เงิน 360 ล้านให้สยามสปอร์ต หลังแพ้คดีละเมิดลิขสิทธิ์

ปิดฉากมหกาพย์ 9 ปี ศาลฎีกาอ่านคำพิพากษา สยามสปอร์ต ชนะคดี สมาคมฟุตบอลฯ คดีละเมิดลิขสิทธิ์ สั่งชดใช้เงินก้อนโต 360 ล้านบาท
เมื่อวานนี้ (6 มีนาคม) ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่มีการฟ้องเรื่องลิขสิทธิ์ สัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ ละเมิด การเผยแพร่การแข่งขันฟุตบอล ระหว่าง บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) และ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ
โดยเริ่มแรกคดีนี้ บจก. ซีนิแพล็กซ์ (บริษัทในเครือของผู้ให้บริการโทรทัศน์ แบบบอกรับสมาชิก) ยื่นฟ้อง บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) (ผู้มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการถ่ายทอดเสียงและภาพการแข่งขันฟุตบอลรายการต่างๆ ที่จัดโดยสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์) และคดีที่ บมจ.สยามสปอร์ต ซินดิเคท ยื่นฟ้อง สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กับพวกรวม 20 คน เรื่องลิขสิทธิ์ สัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ ละเมิด ต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง โดยคดีทั้งสองสำนวนนี้ศาลทรัพย์สินฯ ซึ่งเป็นศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้พิจารณาพิพากษารวมกัน โดยให้เรียก บจก. ซีนิแพล็กซ์ โจทก์สำนวนแรกซึ่งถูกฟ้องเป็นจำเลยที่ 20 ในสำนวนที่สองว่าจำเลยที่ 20 และเรียกบริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำเลยสำนวนแรกซึ่งเป็นโจทก์ในสำนวนที่สองว่าโจทก์ ส่วนจำเลยที่ 1-19 ในสำนวนที่สองยังคงเป็นจำเลยตามลำดับเดิม
ขณะที่ศาลทรัพย์สินฯ ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาให้ บริษัท สยามสปอร์ตฯ โจทก์ ชำระ 240 ล้านบาทแก่ บจก. ซีนิแพล็กซ์ จำเลยที่ 20 พร้อมดอกเบี้ยใน อัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2559 จนถึงวันที่โจทก์จะชำระแก่จำเลยที่ 20 เสร็จสิ้น คำขออื่นของจำเลยที่ 20 ให้ยก
กับให้สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 50 ล้านบาทแก่บมจ.สยามสปอร์ตฯ โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 27 มิถุนายน 2560) จนถึงวันที่จำเลยที่ 1 จะชำระแก่โจทก์เสร็จสิ้น ส่วนคำขออื่นของโจทก์ให้ยก และยกฟ้องจำเลยที่ 2-20 กับยกฟ้องแย้งจำเลยที่ 20
ต่อมา บมจ.สยามสปอร์ตฯ โจทก์, สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จำเลยที่ 1 และบจก. ซีนิแพล็กซ์ จำเลยที่ 20 ยื่นอุทธรณ์ โดยศาลอุทธรณ์ชำนัญพิเศษ มีคำพิพากษาแก้เป็นว่า ให้สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 450 ล้านบาทแก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 27 มิถุนายน 2560) จนถึงวันที่ 10 เมษายน 2564 และอัตราร้อยละ 5 ต่อปี หรืออัตราอื่นที่เปลี่ยนแปลงไปตามพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามประมวลกฎหมาย แพ่งและพาณิชย์ มาตรา 7 วรรคสอง ประกอบมาตรา 224 วรรคหนึ่ง ที่ใช้บังคับในแต่ละช่วงเวลา นับแต่วันที่ 11 เมษายน 2564 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ต้องไม่เกินอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีตามที่โจทก์ขอ และให้บมจ.สยามสปอร์ตฯ โจทก์ชำระเงิน 240 ล้านบาทแก่บจก. ซีนิแพล็กซ์ จำเลยที่ 20 พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2559 จนถึงวันที่ 10 เมษายน 2564 และอัตราร้อยละ 5 ต่อปี หรืออัตราอื่นที่เปลี่ยนแปลงไปตามพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 7 วรรคสอง ประกอบมาตรา 224 วรรคหนึ่ง ที่ใช้บังคับในแต่ละช่วงเวลา นับแต่วันที่ 11 เมษายน 2564 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่จำเลยที่ 20 แต่ต้องไม่เกินอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ตามที่จำเลยที่ 20 ขอ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง
บมจ.สยามสปอร์ตฯ โจทก์ และสมาคมกีฬาฟุตบอล จำเลยที่ 1 ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา ซึ่งศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นว่าให้สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จำเลยที่ 1 ใช้ค่าเสียหายแก่ บมจ.สยามสปอร์ตฯ โจทก์เป็นเงิน 360 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยนับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ
อ้างอิง : 1
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง