ผู้ช่วย กต. โต้สื่อดัง ยันไม่มีประเทศไหนแน่วแน่ รับผู้ต้องขังอุยกูร์จริงจัง

ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ โต้รอยเตอร์ ยันไม่มีประเทศไหนแน่วแน่ รับผู้ต้องขังอุยกูร์จริงจัง ชี้เลือกทางที่กระทบคนไทยน้อยสุด
จากกรณีที่สำนักข่าว รอยเตอร์ รายงานอ้างอิงจากแหล่งข่าวว่า แคนาดา, สหรัฐอเมริกา และ ออสเตรเลีย เคยเสนอตัวรับผู้ต้องขังอุยกูร์จากประเทศไทย 48 คน ขัดแย้งกับที่รัฐบาลเคยกล่าวว่า ไม่มีชาติใดเสนอตัวรับผู้ต้องขังอุยกูร์ ตามที่มีรายงานไปก่อนหน้านี้นั้น
ล่าสุด นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกมาชี้แจงถึงประเด็นดังกล่าว ระบุว่า ตนก็ได้เคยบอกไปแล้วว่า เคยมีบางประเทศมาขอรับไป ซึ่งตนขอหลีกเลี่ยงเอ่ยนามประเทศ โดยอาจไม่ได้อธิบายมากพอเพราะไม่อยากให้กระทบประเทศอื่น แต่ตนได้ใช้คำว่า “ไม่มีประเทศไหนแน่วแน่ที่จะรับไปจริงจัง” เพราะการมาบอกแค่ว่าพร้อมรับนั้น ในความจริงมันไม่ได้ง่าย หรือแทบทำไม่ได้จริงสำหรับประเทศไทย ซึ่งไม่ใช่ว่าพร้อมรับแล้วประเทศไทย ส่งไปมันจะจบแค่นั้น แต่ไทยอาจต้องเผชิญการตอบโต้จากจีน ที่อาจกระทบชีวิตคนไทยอีกมากมายนับไม่ถ้วน
“ถามว่าถ้าส่งให้ประเทศที่สาม ลองถามคนไทยทั้งประเทศก่อนหรือยังว่า เขาจะพร้อมรับผลกระทบที่ตามมาไหม? และมันยุติธรรมกับคนไทยไหมที่ต้องมารับผลกระทบกับปัญหาที่เราไม่ได้ก่อ? จะเอาอย่างนั้นจริงหรือเปล่า?” นายรัศม์ กล่าว
เดิมตนเองก็เคยเชื่อว่า ไทยอาจพอมีทางส่งไปประเทศที่สามได้ ซึ่งจริงๆ อาจพอทำได้เมื่อ 11 ปีที่แล้ว โดยเฉพาะในช่วงแรกๆ ที่ยังไม่มีแรงกดดันต่อไทย และอาจช่วยได้มาก หากไม่มีการนำเสนอข่าวเรื่องนี้อย่างครึกโครมทั่วไปหมด ที่อาจช่วยให้ไทยสามารถดำเนินการอย่างแนบเนียนเงียบๆ ได้ แต่ก็เป็นอย่างที่ทราบ
“ผมเองยังเคยหวังว่าเราจะส่งไปประเทศที่สามได้ แต่ก็ยอมรับความเป็นจริงว่าผลกระทบต่อประเทศไทยในการส่งไปประเทศที่สามนั้นมันมหาศาล ที่ยากจะดำเนินการได้จริง และส่วนตัวเชื่อว่า ไม่มีรัฐบาลใด ไม่ว่าจะมาจากพรรคไหน จะกล้าส่งจริง และคนเหล่านี้ก็จะถูกขังอยู่อย่างนั้น ไปเรื่อยๆ จนตายคาคุก” นายรัศม์ กล่าว
นายรัศม์ ยังย้ำอีกว่า การส่งไปประเทศที่สาม ไม่ได้จบแค่นั้น เพราะมันมีผลกระทบตามมามหาศาล และการที่ตนบอกว่า ไม่มีประเทศไหนที่แน่วแน่ช่วยรับจริงจัง จึงหมายถึงว่า ไม่มีประเทศไหนที่มาบอกว่า จะรับแล้วพร้อมไปช่วยเจรจาล็อบบี้ให้จีนยินดียอมรับให้ไทยส่งตัวไปประเทศที่สามนั้นๆ ได้ หรือมาบอกว่า พร้อมรับ และหากไทยถูกจีนตอบโต้ยินดีจะยื่นมือมาช่วยเหลือเรา ซึ่งตนเชื่อว่า ไม่มี ดังนั้น ในความเห็นของตน จึงย้ำว่า แค่บอกพร้อมจะรับเฉยๆ ยังไม่พอ หรือในแง่หนึ่งแค่บอกก็เหมือนไม่ได้บอกนั่นเอง เพราะทำไม่ได้จริง
การที่ทางการจีนมีคำมั่นที่จะให้คนเหล่านี้กลับคืนสู่สังคมปกติจึงเป็นทางเลือกที่ดีสุดสำหรับคนเหล่านี้ รวมทั้งประเทศไทยและชาวไทยให้ไม่ต้องพลอยรับผลกระทบเรื่องนี้ หรือให้ได้รับน้อยที่สุด จีนเขาเป็นมหาอำนาจที่เขาก็ต้องรักษาคำพูดของเขา ถ้าเราไม่เชื่อคำพูดของเขา เราจะมีปฏิสัมพันธ์ต่อเขาต่อไปในทุกด้านได้อย่างไร จึงขอยืนยันว่า ความคิดการส่งตัวไปประเทศที่สาม คือความคิดที่ไม่อยู่บนพื้นฐานความจริง และปัดความรับผิดชอบ รวมทั้งไร้มนุษยธรรมอย่างยิ่ง ที่จะขังพวกเขาไว้ต่อไปจนตาย และเรื่องนี้ตนเองเห็นว่า รัฐบาลไม่มีทางเลือกอื่น และการที่เราขอให้จีนมีหนังสือยืนยันความปลอดภัย เป็นทางออกที่ดีที่สุดของทุกฝ่ายแล้ว
“ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้จึงไม่ใช่อยู่ที่มีประเทศที่สามจะรับจริงหรือไม่ หากแต่อยู่ที่ประเทศไทยมีทางเลือกอะไรที่จะรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติเราได้ดีที่สุด เรื่องนี้มันซับซ้อน และหลักการสวยหรูอะไร ไม่สามารถช่วยคนไทยได้ เราต้องตอบคำถามให้ได้ว่า จะทำเพื่อคนไทย รวมทั้งคนอุยกูร์เหล่านั้น หรือทำตามประเทศตะวันตกที่สาม ที่ถึงเวลาเขาจะมาช่วยเราจริงจังแค่ไหน ดังนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการต้องชั่งน้ำหนักว่าจะเลือกทางใดที่จะกระทบคนไทยน้อยที่สุด หรือว่าอยากจะเลือกหนทางที่จะกระทบชีวิตประชาชนคนไทยให้มากที่สุด?” นายรัศม์ กล่าว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- สื่อดังเผย “สหรัฐฯ-แคนาดา-ออสเตรเลีย” เคยเสนอตัวรับผู้ต้องขังอุยกูร์ ติดต่อหลายครั้ง
- นายก ลั่นชาวอุยกูร์ทั้งหมดสมัครใจกลับจีนแน่นอน ยันไม่มีประเทศที่สามติดต่อ