หนุ่มร้อง “กัน จอมพลัง” ภรรยาขาดการติดต่อ หลังไปอยู่กับ “น้องหญิง-ท่านพี่”

หนุ่มร้อง กัน จอมพลัง ภรรยาขาดการติดต่อ หลังไปอยู่กับ น้องหญิง-ท่านพี่ เล่าลูกร้องไห้ทุกคืน แถมยังขนของมีค่าและโฉนดไปด้วย
นายเอ พ่อลูก 2 วัย 58 ปี ได้เดินทางขอความช่วยเหลือ กัน จอมพลัง หรือ นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวช ภายหลังจากที่ติดต่อภรรยาไม่ได้นานเดือนกว่า ภายหลังจากที่ภรรยาไปอยู่กับ น้องหญิง-ท่านพี่ คลื่นพลังบุญ
โดยลูกพยายามติดต่อ ส่งข้อความโทรไป แต่ไม่สามารถติดต่อได้ นอกจากนี้ภรรยายังให้ตำรวจพากลับมาที่บ้าน พร้อมกับขนของมีค่า และโฉนดที่ดินออกไปด้วย ทำให้ลูกคิดถึงแม่ และกลัวจะไม่มีที่อยู่ จึงเดินทางขอความช่วยเหลือกับนายกัน จอมพลัง
นายเอ อายุ 58 ปี เปิดเผยว่า ปกติแล้วภรรยาของตนค่อนข้างมีความเชื่อเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว จนกระทั่งเมื่อประมาณ 1 ปี ที่แล้ว ภรรยาของตนได้ดูรายการหนึ่งที่น้องหญิง-ท่านพี่มาออกอากาศ จนเริ่มรู้สึกว่ามีความเลื่อมใส และพูดกับตนว่า 2 คนนี้ต้องมีอะไรมากกว่าที่เห็น จึงตัดสินใจชวนตนไปหาทั้งคู่ ที่บ้านพี่ซาร่า อดีตหนึ่งในลูกศิษย์ ที่ จ.ชลบุรี
เมื่อไปถึงก็ได้ฟังธรรม ซึ่งลักษณะการเทศนาธรรมของพวกเขาเป็นลักษณะทั่วไป แต่เมื่อไปหาหลายครั้ง ก็พบว่าเนื้อหาของการเทศน์แปลกไป ประมาณว่าไม่ต้องสนใจคนที่อยู่รอบข้าง ให้หมั่นทำบุญให้ญาติพี่น้องในอีกหลายพันภพชาติ นอกจากนี้ยังมีการฝังความเชื่อว่า คุณสามารถเพิ่มคลื่นพลังบุญได้ โดยการถวายปัจจัยในรูปแบบของเงินทองและทรัพย์สิน จึงทำให้ตนรู้สึกไม่โอเค ตนและลูกๆ จึงพยายามเตือนภรรยา แต่พบว่าภรรยากลับมีความเลื่อมใสมากขึ้น ถึงขนาดที่เริ่มไปไหนมาไหนด้วยกัน ซัพพอร์ตเรื่องเงินเช่น ค่ารถตู้ ค่าที่พัก และเขาพยายามพูดให้เห็นว่าตนและญาติที่ตักเตือนเป็นศัตรู
ต่อมาตนทราบว่า ภรรยาได้นำโฉนดที่ดินบ้านติดตัวออกไป ทำให้ทั้งคู่มีปากเสียงกัน ตนยอมรับไล่ภรรยาออกจากบ้าน แต่ไม่ได้เลิกกันขาด จนกระทั่งเมื่อ 1 เดือนที่แล้วภรรยาพยายามกลับมาเอาทรัพย์สินเพิ่ม โดยมีการแจ้งความกับตำรวจ ว่าไม่สามารถเข้าบ้านของตนเองได้ จึงทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมางัดบ้าน แต่ปรากฏว่า ในวันนั้นตนได้เอาทรัพย์สินออกไปด้วยทำให้ภรรยาไม่สามารถนำทรัพย์สินออกไปได้ จึงทำให้ภรรรยาไม่พอใจและโกรธอย่างมาก จนเกิดการทะเลาะกันทำให้ตนบันดาลโทสะ ไล่ภรรยาออกจากบ้าน แต่ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการเลิกรากัน ตนมองว่าการกระทำของกลุ่มคนเหล่านี้ทำให้ครอบครัวแตกแยกมีปัญหากัน จากที่ภรรยาเคยประกอบอาชีพสุจริตขายพิซซ่า ก่อนจะเข้าไปร่วมกลุ่มนี้ก็ได้มีการขายซุ้มพิซซ่าทิ้ง และได้เงินติดตัวไป 20,000 บาท
ส่วนลูกสาววัย 15 ปี ที่ปกติต้องนอนกับแม่ทุกคืน ตอนนี้ได้แต่นอนร้องไห้คิดถึงแม่ ส่วนตัวจึงกลัวว่าลูกจะกลายเป็นเด็กที่มีปัญหาสุขภาพทางจิต หรือโรคซึมเศร้า และที่น่ากลัวกว่านั้นคือ กลัวว่ากลุ่มคนเหล่านี้อาจจะหลอกล่อให้ภรรยาตนนำโฉนดที่ดินไปซื้อขายจำนองเพื่อนำเงินมาต่อสายป่านให้กลุ่มคนเหล่านี้ ซึ่งจะกลายเป็นว่าตนอยู่บ้านเฉยๆ แต่อาจจะถูกไล่ออกจากบ้านได้ เนื่องจากตนและภรรยาไม่ได้มีการจดทะเบียนสมรสกัน
นอกจากทรัพย์สินแล้วตนยังพบว่า นาฬิกาที่ภรรยาซื้อให้ตนหายไป และมาพบนาฬิกาเรือนดังกล่าวอยู่ในไลฟ์ที่นายโดม คนติดตาม ท่านพี่-น้องหญิงใส่อยู่ ทำให้ตนรู้สึกเสียใจมาก เพราะมันคือนาฬิกาที่ภรรยาซื้อให้
ส่วนตัวเชื่อว่าภรรยาถูกหว่านล้อม โดนมอมเมาด้วยคำพูด และถูกกักขัง จึงอยากฝากไปบอกกลุ่ม ท่านพี่-น้องหญิงว่าาหากเป็นอย่างที่คุณพูดจริงว่าปฎิบัติธรรม ละกิเลส เหตุใดจึงต้องการทรัพย์เงินทองในรูปแบบปัจจัย นอกจานี้ยังมีความอิจฉาริษยา โดยจะเห็นได้ชัดเจน จากที่มีการกล่าวร้ายถึง คุณซาร่า และตนอยากจะให้เขาปล่อยภรรยาตนออกมา
นอกจากนี้ นายเอ ยังเปิดเผยว่า ตนเองนั้นคือช่างปั้น ที่ได้รับการจ้างวานจากคุณซาร่า ให้ปั้นรูปปั้นของน้องหญิงกับท่านพี่ โดยหลังจากที่ตนเองและภรรยาได้ไปพบกับน้องหญิงที่บ้านคุณซาร่า คุณซาร่าถามว่า พวกตนทำอาชีพ ทำงานทำการอะไร ตนจึงบอกไปว่าเป็นช่างปั้นหุ่น
คุณซาร่าจึงบอกว่างั้นดีเลย อาจารย์น้องหญิงและท่านพี่มีโปรเจคที่จะปั้นหุ่นของตัวเองขึ้นมา พอครั้งที่ 2 ตนและภรรยาก็เดินทางไปหา อาจารย์น้องหญิงและท่านพี่อีกครั้ง เพื่อไปฟังการแสดงธรรมและไปดูการรักษาอาการเจ็บป่วยให้กับลูกศิษย์
จนกระทั่งครั้งที่ 3 เป็นงานเลี้ยงกลุ่มแฟนคลับอาจารย์น้องหญิงและท่านพี่ตนและภรรยาก็ไปร่วมงานด้วย ทำให้ครั้งนี้ได้มีการพูดคุยกันถึงเรื่องปั้นหุ่นตนและภรรยาได้พูดคุยกับอาจารย์น้องหญิงและท่านพี่โดยตรง วันรุ่งขึ้นจึงมีการถ่ายรูปและเริ่มงานปั้นหุ่น ตกลงราคาตัวละ 35,000 บาท 2 ตัวจบที่ 70,000 บาท ซึ่งตอนแรกอาจารย์น้องหญิง และท่านพี่ไม่เร่งงานให้ปั้นไปเรื่อยๆ ขอให้ออกมาดี และสมบูรณ์แบบที่สุด แต่พอตนลงมือปั้นไปได้ระยะหนึ่งก็มาเร่งงาน สุดท้ายตนปั้นเสร็จและส่งมอบงานจนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้รับเงินสักบาท อ้างว่างานไม่ได้คุณภาพและช่างไม่มีฝีมือ
ทั้งนี้ กัน จอมพลัง กล่าวว่า จะช่วยตามหาแม่ของเด็ก เชื่อว่าวันนี้ที่ทางคุณพ่อออกมาขอความช่วยเหลือนั้น ตนมองว่าไม่ได้ต้องการเป็นศัตรูกับแม่ แต่แค่ต้องการอยากให้ลูกได้เจอแม่เท่านั้น ส่วนจะมีปัญหาอะไรก็ให้มาคุยหารือกัน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- น้องหญิง-ท่านพี่ งัดแชตหลักฐาน เข้าแจ้งความ อ้างถูก อดีตลูกศิษย์ ขู่เอาชีวิต
- ‘น้องหญิง-ท่านพี่’ คืนรางวัลทูตท่องเที่ยววิถีพุทธ ไม่ยึดติดกับกระดาษ