
ประวัติ ผ่องศรี วรนุช ราชินีลูกทุ่งคนแรกของไทย เสียงร้องอมตะ เสียงรถด่วนขบวนสุดท้าย
ผ่องศรี วรนุช เกิดเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2482 ที่อำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท เธอเป็นบุตรของนายฉากและนางเล็ก วรนุช มีพี่น้องทั้งหมด 6 คน โดยผ่องศรีเป็นบุตรคนที่ 5
ในวัยเยาว์ ครอบครัวของผ่องศรีประสบปัญหาทางการเงิน ทำให้เธอต้องช่วยเหลือครอบครัวด้วยการขายของและทำงานต่าง ๆ เมื่ออายุ 14 ปี ผ่องศรีตัดสินใจเข้าร่วมคณะละครเร่ของหนู สุวรรณประกาศ โดยเริ่มจากการเป็นเด็กรับใช้ในคณะ ด้วยความมุ่งมั่นและพรสวรรค์ในการร้องเพลง เธอได้รับโอกาสขึ้นร้องเพลงสลับฉาก จนต่อมาก็ได้เป็นนางเอกของคณะ
ผ่องศรีเริ่มบันทึกแผ่นเสียงเพลงแรกในชีวิตคือ “หัวใจไม่มีใครครอง” เมื่อปี พ.ศ. 2498 แต่ความสำเร็จที่แท้จริงเกิดขึ้นเมื่อเธอได้ร่วมงานกับวงดนตรีของสุรพล สมบัติเจริญ ในปี พ.ศ. 2502 เพลง “ไหนว่าไม่ลืม” ที่เธอร้องแก้กับสุรพล ทำให้เธอเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง และได้รับสมญานามว่า ราชินีลูกทุ่งคนแรกของเมืองไทย
ตลอดเส้นทางอาชีพ ผ่องศรีมีผลงานเพลงที่เป็นที่นิยมมากมาย เช่น “ด่วนพิศวาส” กับเนื้อเพลงร้องเสียงสูงติดหู เสียงรถด่วนขบวนสุดท้าย แว่วดังฟังแล้วใจหาย นอกจากนี้ยังมีเพลง “กอดหมอนนอนหนาว”, “วิมานในฝัน”, “ไหนว่าไม่ลืม”, “น้ำตาเมียหลวง”, “ฝนหนาวสาวครวญ”, “คืนนี้พี่นอนกับใคร”, “สาวเหนือเบื่อรัก”, “ข้าวคอยเคียว”, “คนสุดท้าย”, “น้องเป็นคนรักที่เท่าไหร่”, “น้อยใจรัก”, “รักลาอย่าเศร้า”, “ฝากดิน”, “ภูเก็ต”, “บาร์หัวใจ” เป็นต้น
การันตีด้วยรางวัลมากมาย ได้รางวัลพระราชทานแผ่นเสียงทองคำ 2 ครั้ง เมื่อ พ.ศ. 2509 จากเพลง “กลับบ้านเถิดพี่” และ พ.ศ. 2522 จากเพลง “โธ่ผู้ชาย” รับจากพระหัตถ์ พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รางวัลเสาอากาศทองคำ 3 ปีซ้อน เมื่อ พ.ศ. 2518 จากเพลง “กินข้าวกับน้ำพริก” พ.ศ. 2519 จากเพลง “เขามาทุกวัน” และ พ.ศ. 2520 จากเพลง “จันทร์อ้อน” รางวัลพระราชทานพิเศษจากพระหัตถ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในฐานะนักร้องลูกทุ่งหญิงเกียรตินิยมยอดเยี่ยม ชนะเลิศเสาอากาศทองคำ 3 ปีซ้อน เมื่อ พ.ศ. 2521 ได้รับรางวัลในปีนี้แต่ละสิทธิ์ จากเพลง “สาริกาคืนถิ่น” ประกาศเกียรติคุณพระราชทานจาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในฐานะนักร้องผู้ขับร้องเพลงใช้ภาษาไทยได้ถูกต้อง และ ชัดเจน เมื่อ พ.ศ. 2534 เป็นต้น
ผลงานแสดงภาพยนตร์ เล่นหนังไทยหลายเรื่องได้แก่ ศึกเสือไทย (2508) จำปาทอง (2514) น้องนางบ้านนา (2514) ลมรักทะเลใต้ (2514) หาดทรายแก้ว (2515) ไอ้แดง (2516) มนต์เพลงลูกทุ่ง เอฟ.เอ็ม. (2545)
ผ่องศรีได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (เพลงไทยลูกทุ่ง – ขับร้อง) ประจำปี พ.ศ. 2535 แม้ว่าเธอจะเผชิญกับอุปสรรคและความยากลำบากมากมาย แต่ด้วยความมุ่งมั่นและความรักในเสียงเพลง ทำให้เธอก้าวข้ามทุกปัญหาและยืนหยัดเป็นตำนานของวงการเพลงลูกทุ่งไทย
เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2568 เจนภพ จบกระบวนวรรณ ดีเจเพลงลูกทุ่ง ได้ออกมาแจ้งข่าว แม่ผ่องศรี อายุ 85 ปี ป่วยเข้าโรงพยาบาลว่า “ถามว่า แม่ล้มป่วย เป็นอะไร ตอบแบบ แม่ผ่องที่เข้าใจตัวเองก็คือ ปอดอักเสบรุนแรง บางทีมีอาการเหมือนกรดไหลย้อน
แต่หากถาม แพทย์ที่ โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ ( โรงพยาบาลวัดไร่ขิง ) ซึ่งแม่เข้ารับการรักษา ได้เอกซเรย์ปอดดูจนเห็นภาพชัดแล้ว ประกอบกับ การดูแลรักษาอย่างเข้มข้นจาก คณะแพทย์ของ โรงพยาบาลธนบุรี ซึ่งแม่เข้า แอดมิท เป็นครั้งที่ ๒ ทราบผลจากการวินิจฉัยของแพทย์ระบุว่าแม่ต้องกินยาที่ดีที่สุด ชื่อ โอซิมาทินิบ ( osimartinib ) ซึ่งแพงมาก จึงจะหยุดยั้งการแพร่กระจายได้
ล่าสุด แม่ผ่องศรี วรนุช เข้า แอดมิท อีกครั้งที่ โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์กาญจนา ซึ่งอยู่ที่พุทธมณฑล สาย ๔ ใกล้บ้านท่าน แพทย์บอกว่าให้รักษาตัวอยู่ที่บ้านเหอะ เพราะไม่รู้ว่าจะรักษาอย่างไรแล้ว แต่ระหว่างปล่อยแม่ให้อยู่ที่บ้านเพียงลำพัง กับ กราบขอร้องให้ โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์กาญจนารับตัวไว้ในความดูแล อย่างหลังย่อมดีกว่าเยอะ
แม่ ตั้งใจมาก หลังจากปฏิเสธการรักษามาแล้วหลายที่ ด้วยเหตุผลอะไรก็เป็นเรื่องส่วนตัวของแม่เขา ผมคงไม่ก้าวล่วงไปมากกว่านี้ แต่ครั้งนี้ แม่เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋ายอมมานอนโรงพยาบาลเองเลย
ณ.เวลานี้ แม่ผ่องศรี วรนุช พักรักษาตัวตามอาการอยู่ที่ โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์กาญจนา พุทธมณฑล สาย ๔ น้ำหนักตัวล่าสุดเหลือไม่ถึง ๒๐ กิโลกรัม ร่างกายอ่อนเพลียขาดสารอาหารอย่างรุนแรงต้องให้อาหารทางสายยางแล้ว จิตใจยังเข้มแข็ง แต่สังขารไม่ค่อยให้ความร่วมมือนัก”
ข้อมูลจาก คลังข้อมูลยา มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า ยา Osimertinib เป็นยารับประทานที่ใช้ในการรักษามะเร็งปอดชนิดเซลล์ไม่เล็ก (NSCLC) ซึ่งเป็นชนิดมะเร็งปอดที่พบได้บ่อยที่สุด ยานี้จัดอยู่ในกลุ่มยามุ่งเป้า (targeted therapy) ที่ออกฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ไทโรซีนไคเนสของตัวรับปัจจัยการเจริญเติบโตของผิวหนัง (EGFR) โดยเฉพาะในเซลล์มะเร็งที่มีการกลายพันธุ์ของยีน EGFR
การกลายพันธุ์ของยีน EGFR ทำให้เซลล์มะเร็งเติบโตและแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว Osimertinib ทำงานโดยการยับยั้งการทำงานของโปรตีน EGFR ที่ผิดปกติ ส่งผลให้การเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งช้าลงหรือหยุดลง
อ่านข่าวอื่นๆ
- ด่วน ผ่องศรี วรนุช แอดมิท รพ.รอบ 2 น้ำหนักเหลือ 20 กก. ต้องให้อาหารทางสายยาง
- ผ่องศรี วรนุช ล้มป่วย เข้าโรงพยาบาล แฟนเพลงร่วมส่งกำลังใจ
- เพราะเหลือเกิน “ผ่องศรี วรนุช” ร้องเพลงสด ในวัย 85 ปี สมตำนาน ราชินีลูกทุ่งคนแรก