ข่าว

สถานทูตจีน แจงปมไทยส่ง 40 อุยกูร์กลับจีน บังคับใช้กม.ปกติ ตรวจสอบได้

สถานทูตจีนประจำประเทศไทย คลายข้อสงสัยส่งอุยกูร์กลับจีน ยันเป็นการบังคับใช้กฎหมายธรรมดา ยินดีให้เจ้าหน้าที่ติดตาม-ตรวจสอบความเป็นอยู่

วันนี้ (2 มี.ค.) สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ออกมาชี้แจงกรณีสื่อมวลชนให้ความสนใจประเด็นส่งตัวชาวอุยกูร์ 40 คนกลับประเทศจีน โดยอ้างคำให้สัมภาษณ์ของโฆษกสถานทูตจีนประจำประเทศไทยเชิงคำถามและคำตอบทั้งหมด 4 ข้อว่า

Advertisements

คำถามข้อที่ 1: ประเทศและองค์กรระหว่างประเทศบางแห่งแถลงว่า การที่ประเทศไทยส่งตัวชาวจีนที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายจำนวน 40 คนกลับประเทศจีน ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและอนุสัญญาระหว่างประเทศ?

คำตอบ: ทางการไทยและจีนมีหลักฐานยืนยันได้ว่า คนจีนทั้ง 40 คนที่ถูกส่งตัวกลับครั้งนี้ไม่ใช่ผู้ลี้ภัย แต่เป็นผู้ที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และรัฐบาลไทยได้ปฏิบัติตามคำขอของรัฐบาลจีน โดยเป็นความร่วมมือที่ยึดมั่นในแนวทางการบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศ ว่าด้วยการปราบปรามผู้ลักลอบอพยพและเข้าเมืองผิดกฎหมาย

ทั้งนี้ ตามหลักมาตรฐานสากล ต่างเป็นที่ยอมรับกันว่า การลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย คือ อาชญากรรมอย่างหนึ่ง ดังนั้น การส่งตัวผู้ลักลอบอพยพและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายกลับประเทศ จึงถือเป็นการการบังคับใช้กฎหมายปกติของประเทศที่มีอำนาจอธิปไตย ดังจะเห็นได้ว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ที่ผ่านมา ประเทศใหญ่บางประเทศได้ดำเนินการส่งกลับผู้ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายไปยังประเทศต้นทางมากกว่า 270,000 คน

ดังนั้น การที่ประเทศซึ่งปฏิบัติโดยใช้หลักสากลเดียวกัน กลับกดดันให้องค์กรระหว่างประเทศ กล่าวโทษความร่วมมือในการปราบปรามผู้ลักลอบอพยพและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายของรัฐบาลจีนและไทย จึงนับเป็นการใช้สองมาตรฐาน (double standard) และละเมิดหลักการพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและละเมิดอนุสัญญาต่างประเทศที่เกี่ยวข้อง ถือเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของรัฐที่มีอำนาจอธิปไตยอย่างร้ายแรง ทั้งยังอาจนำไปสู่ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติได้อีกด้วย

ภาพจาก Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย

คำถามข้อที่ 2: กรณีคำกล่าวอ้างของบางประเทศและกลุ่มบุคคลบางคน ที่ระบุว่า ผู้ที่ถูกส่งตัวกลับอาจถูกทรมานและถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน เมื่อเดินทางถึงประเทศจีน

Advertisements

คำตอบ: สาธารณรัฐประชาชนจีน ยึดมั่นในหลักการปกครองด้วยกฎหมาย และมุ่งให้ความสำคัญอย่างเท่าเทียมกัน ทั้งด้านการปกป้องสิทธิมนุษยชนตามกฎหมาย และปราบปรามอาชญากรรม ในฐานะที่สาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นประเทศแรก ๆ ที่ลงนามและให้สัตยาบันในอนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมาน และการกระทำอื่นๆ ที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี หรือ Convention Against Torture and other Cruel, Inhuman or Degrading Treatment or Punishment (เมื่อ พ.ศ. 2529 และ พ.ศ. 2531 ตามลำดับ)

จีนจึงปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาดังกล่าวด้วยความมุ่งมั่น มีกลไกการทำงานและการกำกับดูแลอย่างมีประสิทธิภาพ เข้มงวดและครอบคลุม ที่ผ่านมาแม้แต่ผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายและก่ออาชญากรรม ก็ยังคงได้รับการคุ้มครองสิทธิตามกฎหมาย

ทางการจีน ทราบดีว่าหลายฝ่ายมีความกังวลและห่วงใยถึงสวัสดิภาพของคนจีนทั้ง 40 คน เมื่อเดินทางถึงมาตุภูมิ เราจึงขอยืนยันด้วยภาพปัจจุบันว่า บุคคลเหล่านี้ได้รับการดูแลให้กลับบ้านและรวมตัวกับครอบครัวเป็นที่เรียบร้อย จากนี้รัฐบาลท้องถิ่นจะทำงานร่วมกับครอบครัวของกลุ่มบุคคลดังกล่าว เพื่อสร้างโอกาสในการทำงาน และพัฒนาทักษะวิชาชีพตามความประสงค์ เพื่อช่วยให้พวกเขาเหล่านี้มีชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด หลังถูกคุมขังในประเทศไทยมานานกว่า 10 ปี

คำถามข้อที่ 3: สถานการณ์ในซินเจียงเป็นอย่างไร

คำตอบ: นับตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1990 เกิดเหตุรุนแรงขึ้นในเขตปกครองตนเองซินเจียง พื้นที่ตะวันตกเฉียงเหนือของจีนอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลจากกลุ่มก่อการร้ายบางกลุ่ม เช่น ขบวนการอิสลามเตอร์กิสถานตะวันออก (ETIM) ซึ่งได้รับการขึ้นบัญชีรายชื่อกลุ่มการก่อการร้ายจากองค์การสหประชาชาตินั้น ได้ขยายอิทธิพลเข้ามาในซินเจียง กลุ่มก่อการร้ายเหล่านี้ มักฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์และก่อการร้ายในดินแดนซินเจียงอย่างต่อเนื่อง สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

นอกจากนี้ องค์กรต่อต้านจีนและกลุ่มกำลังก่อการร้ายในต่างประเทศบางแห่ง ยังปฏิบัติการหลอกลวงและชักชวนชาวท้องถิ่นให้ลักลอบหนีออกนอกประเทศ โดยใช้คาบสมุทรอินโดจีนเป็นช่องทางหลักในการส่งกำลังคนให้กับกลุ่มก่อการร้ายต่อต้านจีน
เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว รัฐบาลกลางจีนและรัฐบาลเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ นำชาวชนเผ่าต่างๆ ของท้องถิ่น ต่อสู้กับกองกำลังกลุ่มก่อการร้าย จนประสบผลสำเร็จในที่สุด ซินเจียงไม่เคยเกิดเหตุก่อการร้ายขึ้นอีกเลย นับตั้งแต่ปลายปีค.ศ.2016 เป็นต้นมา ขณะที่รัฐบาลจีนและรัฐบาลท้องถิ่นร่วมกันส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและการศึกษา อย่างจริงจัง ส่งผลให้ประชาชนในท้องถิ่นมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ดังจะเห็นได้ว่า ปัจจุบันรายได้ต่อหัวต่อปีของประชาชนในซินเจียงเพิ่มขึ้นถึง 6.7% เมื่อเทียบกับ พ.ศ.2567 ชนเผ่าต่าง ๆ ได้อยู่ร่วมกันอย่างปรองดอง และประชาชนใช้ชีวิตและทำงานด้วยความสงบสุข ประเทศบางประเทศและกลุ่มกำลังต่อต้านจีนระหว่างประเทศแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นความจริงที่ดีงามในซินเจียง สร้างและเผยแพร่ข่าวลือเกี่ยวกับซินเจียง บิดเบือนและใส่ร้ายโดยเจตนา รวมทั้งกำหนดมาตรการคว่ำบาตรอย่างรุนแรงต่อบริษัทและผลิตภัณฑ์ของซินเจียง ซึ่งมุ่งประสงค์ที่จะทำลายเสถียรภาพของซินเจียงและยับยั้งการพัฒนาของจีนโดยใช้ข้ออ้างสิทธิมนุษยชนและศาสนาที่ไม่เป็นจริงทั้งสิ้น ทั้งนี้ เป็นการละเมิดต่อประชาชนชาวจีนและเป็นการหลอกลวงโลก และจะถูกปฏิเสธและต่อต้านจากชาวโลกในที่สุด

ภาพจาก Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย

คำถามข้อที่ 4: ในอนาคตรัฐบาลจีนจะยังคงอนุญาตให้ฝ่ายไทย เดินทางไปเยี่ยมบุคคลที่ถูกส่งตัวกลับเพื่อติดตามชีวิตความเป็นอยู่หรือไม่

คำตอบ: จะเห็นได้ว่า ในการส่งตัว 40 ชาวจีนกลับไปยังซินเจียงครั้งนี้ มีผู้แทนระดับสูงจากทางการไทยได้รับเชิญให้เดินทางไปซินเจียงของจีนเพื่อเป็นสักขีพยาน รวมทั้งได้ไปสังเกตการณ์ เยี่ยมเยียนถึงบ้านของผู้ที่ถูกส่งตัวกลับ ตามที่ปรากฏในภาพถ่ายและวิดีโอ ดังนั้น ในอนาคตฝ่ายจีนจึงยินดีอย่างยิ่งที่จะขอเชิญเจ้าหน้าที่ไทย ให้ไปติดตามและตรวจสอบความเป็นอยู่ของกลุ่มคนดังกล่าว เพื่อติดตามชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาต่อไป

ภาพจาก Chinese Embassy Bangkok สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย

อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ สมาคมอุยกูร์อเมริกัน เผยว่ามีการประท้วงที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อประณามการเนรเทศชาวอุยกูร์ข้างต้น เนื่องจากการส่งตัวดังกล่าวต้องทำให้เขา (อุยกูร์) ต้องพอบเจอการจำคุก ทรมานที่อาจถึงแก่ชีวิต พร้อมมอบพวงหรีดสีดำให้กับสถานทูต เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการไว้อาลัยอีกด้วย

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

yo

นักเขียนข่าว บทความทั่วไปประเภทไลฟ์สไตล์ สำเร็จการศึกษาจากคณะอักษรศาสตร์ สาขาวิชาปรัชญา มศก. ติดต่อได้ที่อีเมล yo@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button